วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2557
From Christmas Tales 1
เทศกาลเฉลิมฉลองสุดท้ายของปี งานเฉลิมฉลองที่ใครหลายๆคนรอคอยแน่นอนว่ามีเรื่องเล่ามากมายในช่วงเทศกาลนี้ แต่เรื่องที่ผมเล่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงในระแวกบ้านของผม
มันเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคมของปีที่แล้ว เป็นวันก่อนวันคริสมาส หรือวันคริสมาสอีฟ เป็นวันที่ทุกๆคนล้วนต้องออกมาซื้อของเข้าไปเก็บตุลไว้ในบ้านเพื่อการใช้ชีวิต ขณะที่ร้านค้าทั้งหลายปิดตัวลงเพื่อเฉลิมฉลองกับครอบครัวในช่วงเทศกาลนี้ ตัวผมเองก็เช่นกันแม้ผมจะไม่มีใครมากมายในครอบครัวให้เฉลิมฉลองมากนักก็คงมีแต่บรรดาเพื่อนๆของผมด้วยกัน
“ไงครับคุณ จุนมยอน วันนี้รับอะไรสำหรับช่วงวันหยุดดีครับ”
“ทักซะห่างไกลเชียว เอา ไก่งวง 2 ตัวที่เหลือก็ของเป็น ซี่โครงหมูสัก 2 กิโลนะ”
“ขอโทษครับ คุณพอสนใจซื้อไม้ขีดไฟหรือไฟแช็กไหมครับ” เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ตัวเล็กกว่าผมเล็กน้อย ได้เอ่ยขึ้นหลังจากผมสั่งของกับคนขายเสร็จ สภาพของเด็กคนนี้สวมเสื้อคอเต่าข้างในข้างทับด้วยเสื้อกั๊กที่ดูไม่ค่อยสะอาดแถมยังมีรอยขาดตรงตะเข็บของเสื้อ คลุมด้วยเสื้อโค้ทสำหรับกันหนาวแต่สภาพของมันดูแล้วไม่ชวนให้อุ่นสักเท่าไหร่ กับเท้าเปล่าๆคู่นั้นผมไม่เข้าใจว่าเขาทนความหนาวเหน็บจากหิมะข้างนอกได้ยังไง ขณะที่ผมกำลังจะซื้อไฟแช็กสักอันสำหรับจุดเทียนโต๊ะอาหารสำหรับคืนนี้และคืนพรุ่งนี้
“ไอหนูออกไปขายที่อื่น หน้าตามอมแมมแบบนี้ใครเขาจะมาซื้อของ”
“แต่...”
“ถือว่าน้าขอนะ” แล้วเด็กคนนั้นก็เดินออกจากร้านไปด้วยสีหน้าเศร้าจนผมอดที่จะสงสารไม่ได้ หลังจาก ที่ผมรับของมากจากคนขายพร้อมจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย ผมรีบเดินออกจากร้านมาเพื่อหาเด็กคนนั้น แต่ผมกลับไม่เห็นเขาผมรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ผมไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้ ผมจึงเอาของใส่ท้ายรถแล้วขับกลับบ้านเพื่อเตรียมทำอาหารเย็น
หลังจากที่ผมเตรียมอาหารสำหรับตัวผมเองเสร็จแล้ว ก็ย้ายตัวเองมานั่งอยู่ที่ห้องรับแขกช่วงเวลา ตอนนี้ผมไม่มีอะไรทำจึงหยิบสมาทโฟนขึ้นมาอ่านอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนเสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมคงเป็นเรื่องแปลกที่บ้านผมมีอินเตอร์คอมไวให้กด แต่นี่เขาเลือกที่จะเคาะประตูแทน สิ่งที่ผมเปิดประตูคือต้องขอบพระคุรพระเจ้าที่ให้เด็กคนนี้มาบ้านผม
“อ่าวนายเองหรอ เข้ามาก่อนสิ่” ผมหลีกทางให้เด็กตรงหน้าผมเข้ามา แต่เหมือนเขาไม่กล้าที่จะเข้ามาสักเท่าไหร่
“เข้ามาเถอะ ข้างนอกมันหนาวนะ”
“ผม… แค่..” ไม่ทันที่เด็กคนนี้จะพูดจบผมก็โอบไหล่ของเขาให้เดินเข้ามาในบ้านผมอย่างไม่รังเกียจ แล้วปิดประตูกันลมหนาวจากข้างนอกไว้
“กินอะไรก่อนไหม”
“ไม่หรอกครับ ผมแค่จะมาขายไม้ขีดไฟกับไฟแช็ก”
“ครับ เอาไฟแช้กสองอันนะ แล้วก็ไม้ขีดไฟกลอ่งนึง นายชื่ออะไรหรอ”
“คยองซูครับ โทคยองซู อันนี้ไม่ต้องทอนนะ” ชื่อคยองซู ชื่อเพราะดีนะครับเรียกง่ายดี คยองซูล้วงมือเข้าไปหยิบไฟแช็กกับไม้ขีดไฟ ในกระเป๋าของเสื้อโค้ทที่คลุมตัวเชาอยู่ให้ผมเดานะว่า ในถุงพลาสติกในมือนั้นก็คงเต็มไปด้วยของสองสิ่งนี้ คยองซูยื่นไม่ขีดกับไฟแช็ก2อันมาให้ผมพร้อมกับรับเงินของผมไป
“รอแปปนึงนะคยองซู” ผมเดินเข้ามาหาอะไรให้คยองซูได้กินบ้างแล้วผมก็ได้ ขนมปังมา 2 ก้อนขนาดเท่ากำปั้นผมหาได้แค่นี้จริงๆเพราะข้าวเย็นของผมก็ยังไม่เสร็จดี แต่ให้ตายสิ่ครับทันทีที่ผมออกมาผมก็ไม่เห็นเด็กตัวเล็กชื่อว่าคยองซูแล้ว แต่บนโต๊ะในห้องนั่งเล่นนั้นก็มีไฟแช็กกับไม้ขีดไฟวางทิ้งไว้เท่ากับจำนวนเงินทอนที่ผมให้เป็นทิปกับเขา ผมได้แต่มองจากหน้าต่างหน้าบ้านตรงนี้ว่าเขาหายไปไหนแล้วจะเป็นยังไงต่อไป
คยองซู Part
และแล้วความมืดก็เข้าครอบคลุมไปทั่วทุกๆคนต่างพากันเข้านอนในห้องนอนแสนจะอบอุ่นผิดกับผมที่ได้แต่มองพวกเขาเข้านอนจากนอกหน้าต่าง แล้วเฝ้าคิดว่าถ้าผมได้นอนในบ้านอุ่นๆห่มผ้าหนาๆที่ไม่ใช่เพียงเสื้อกั๊กกับโค้ชตัวนี้ ผมจะหลับสบายสักแค่ไหนผมจะมีความสุขมากไหม
“จะเดินไปไหน” ผมสัมผัสได้ถึงกลิ่นเหม็นเหมือนกับบ้านที่เพิ่งทาสีใหม่ๆ แต่มันลอยชัดอยู่จากข้างหลังผม ลมหายใจอุ่นๆรดอยู่ที่ต้นคอของผมข้างขวา กับท่อนแขนที่รั้งเอวของผมเอาไว้
“นะ.. นายต้องการอะไร” ผมถามถึงความต้องการของคนที่กำลังตั้งท่าจะทำร้ายผมอยู่ขณะนี้
“เงิน นายมีเงินเท่าไหร่”
“ผมไม่มี อ่ั่ก” เขาแทงเข่าเข้าที่หลังของผมความเจ็บปวดที่ได้รับมันทำให้เข่าผมถึงกับทรุดลงกับพื้นทางเดินที่เริ่มคลุมด้วยน้ำแข็งและหิมะ… เขากระชากผมแล้วคลำตามตัวผมเพื่อหาของที่เขาต้องการ และเขาก็เจอมันพร้อมตบมาที่หน้าของผมจนสัมผัสได้ถึงคาวเลือดในปาก
“ไหนบอกไม่มีไง แล้วไอนี่มันอะไร”
“ผมมีแค่นี้แล้วผมก็ต้องใช้มันนะ” ผมรวบรวมแรงทนต่อสู้กับความเจ็บปวดบริเวณหลัง แล้วพยายามคว้าเงินของผมที่อยู่ในมือของคนตรงหน้าได้แต่….
“ไอเด็กนี้ มึงคิดจะสู้้หรอ” เขาถีบหน้าผมจนหัวผมฟาดเข้ากับกำแพงข้างหลัง แล้วเตะเข้าที่เหนือท้องบริเวณชายโครง
--
“หน้าตามึงก็ดีนะ งั้นกูจะไม่ฆ่ามึงก็แล้วกัน แต่กูขออย่างอื่นมาแลกแล้วกัน”เมื่อเขาเห็นผมไม่มีแรงที่จะสู้แล้วเขาก็ลากผมมาที่ซอกว่างข้างๆตึก ความหนาวจนร่างกายผมเริ่มที่จะสั่น เสื้อของผมถูกเลิกขึ้นมาจนถึงเนินอก มือที่สากลูบไล่บนลำตัวของผมผมอยากจะหนีออกไปจากตรงนี้อยากจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือแต่… ค่ำคืนนี้ช่างเงียบเหลือเกินพระเจ้าใครก็ได้ช่วยผมด้วย
ชายโรคจิตเขาลดกางเกงลงไประดับหนึ่ง ผมมองการกระทำของเขาได้เกือบจะชัดเจนหากไม่มีน้ำตานี้มาขวางกั้น แสงสว่างตอนนี้มีแค่เพียงแสงจากดวงจันทร์เท่านั้น ผมถูกบีบที่ปากจนกระทั่งผมต้องยอมอ้าปากให้เขานำแก่นกายที่มีกลิ่นเหม็นฉุนเข้ามาในปากผม ผมกัดแก่นกายของเขาไปอย่างแรงจนร้องเสียงหลง
“โอ้ย เด็กเชี่ยนี่มึงสู้กูใช่ไหม” ฝ่ามือของเขาตบเข้ามาที่หน้าของผมจนหันไปตามแรงที่ส่งมาจากมือของเขา แล้วกำผมบนหัวของผมเข้าไปใกล้หน้าเขาแล้วพูดว่า
“มึงจำไว้อย่าคิดจะสู้กู” เขาดึงเส้นผมของผมให้ลุกขึ้นตามเขาก่อนจะเหวี่ยงให้หัวของผมชนกำแพงจนเป็นรอยนูน และปล่อยผมให้ล้มลงกับพื้นไปกับแรงโน้มถ่วงของโลกที่โหดร้ายใบนี้…. ความเย็นกลับมาหาผมอีกครั้งเพราะ กางเกงผมได้ถูกปลดออกไปแถ้วจนถึงหัวเข่าขอผม ชายโรคจิตคนนี้ใช้มือข้างขวาถ้ามองจากมุมผมที่นั่งกึ่งนอนโดยหลังพิงกำแพงอันแสนเย็น มาจับขาทั้งสองของผมให้ยกสูงขึ้น และอีกมือเขาคงจับแก่นกายให้มันเข้ามาในทางข้างหลังของผม ผมหลับตาไม่มองภาพเหล่านี้น้ำที่ออกมาจากร่างกายผ่านทางดวงตาของผม มันทำให้หน้าผมเริ่มที่จะมีน้ำแข็งเป็นเกล็ดบางๆเพราะเพราะความเย็น
“มึงนี่โคตรฟิตเลยว่ะ” ผมกัดปากตัวเองไว้ตลอดพยามยามไม่ส่งเสียงร้องออกมาเพราะความเจ็บปวดจากระหว่างขาของผม พระเจ้า...ทำไมชีวิตบนโลกใบนี้ช่างโหดร้ายเหลือเกิน ชายโรคจิตขยับแก่นกายอย่างไม่มีท่าทีว่าแรงของเขาจะหมด ผิวหนังต้นขาใกล้กับช่องทางของผมที่ตอนนี้ผมไม่สามารถแยกออกได้ว่าข้างไหนเป็นข้างซ้ายหรือขวา มันสัมผัสถึงถึงของเหลวอุ่นๆที่ออกมาจากตัวผมแต่ไม่นานมันก็เย็นราวกับโดนน้ำหยดใส่มือท่ามกลางความหนาวระดับติดลบ ชายโรคจิตไม่สนด้วยซ้ำว่ามีของเหลวอะไรออกมาจากร่างกายผม ไม่ว่าจะน้ำตา น้ำมูกที่มาพร้อมกับการร้องไห้ของผม หรือน้ำที่ผมไม่รู้ว่าน้ำอะไรแต่มันไหลมาจากระหว่างขาของผม… ผ่านไปสักพักเขาก็สำเร็จความไคร่ โดยที่เขาถอนแก่นกายออกมาจากช่องทางของผมจนผมต้องสะดุ้ง เพราะความเสียวครั้งสุดท้าย และความรู้สึดโล่งโหวงตรงระหว่างขาหวังจากไม่มีแก่นกายนั้นอยู่แล้ว เขาเอามือมาจับให้ผมหันหน้าไปหาแก่นกายของเขาที่ตอนนี้หน้าผมอยู่ระนาบเดียวกันพอดี มืออีกข้างของเขาสาวแก่นกายเข้าออกด้วยความเร็ว จนมีน้ำขุ่นๆออกมากจากปลายแก่นกายกระทบลงบนหน้าผม
“เอามึงนี่โคตรเสียวเลยว่ะ มึงให้กูดีๆตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องเจ็บหรอก” เขาเก็บแก่นกายเข้าไปอยู่ใต้กางเกงพร้อมกับแต่งตัวให้เป็นปกติเหลือเพียงแต่ผมที่คอตกไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก ผมเพิ่งถูกข่มขืนไปหมาดๆผมร้องไห้อยู่กับตัวเองสักพักจนความหนาวมาเรียกสติผม อากาศค่อยๆติดลบลงเรื่อยๆ ทำให้ผมต้องหาความอบอุ่นให้ตัวเอง ที่ตอนนี้มีแค่ ไฟแช็กกับไม้ขีดไฟ ผมดึงกางเกงของผมที่ถูกล่นลงไปแค่เข่าขึ้นมาด้วยความยากเย็นทั้งความเจ็บบริเวณหลังและระหว่างขา มือของผมที่กำลังสั่นพยายามจุดไม้ขีดไฟขึ้นมาแต่แล้วเพราะความชื้นทำให้ไม้ขีดไม่สามารถจุดไฟได้ ผมจึงต้องพึ่งพาไฟแช็กแทนแล้วแน่นอนว่ามันติด ผมอังมือกับไฟที่ส่องสว่างจากไฟแช็กอยู่อย่างนั้นจนหมดไป ตอนนี้ผมเริ่มหนาวอีกครั้งและมันหนาวกว่าเมื่อสักครู่มาก ไม้ขีดแน่อนว่ามันใช้ไม่ได้แล้ว เหลือเพียงไฟแช็กอันสุดท้าย…. ที่ทำมห้ผมอุ่นมาได้ ผมวางกล่องไม่ขีดไฟ 2 กล่อง จาก 6 กล่อง ไว้ตรงหน้าผม หลังจากที่ผมคิดอะไรบางอย่างได้ ผมค่อยๆจุดมันทีละ 2 กล่องให้เป็นกองไฟเล็กๆ แล้วเอามืออังกับกองไฟเล็กๆที่ให้ความอบอุ่นผมได้ แต่ผมก็ไม่อาจสู้ความง่วงได้ ผมเองตัวลงนอนข้างกองไปจากกล่องไม้ขีดที่ใกล้จะมอดลง อย่างน้อยผมก็ได้เห็นเปลวเพลิงอ่นๆก่อนตาจะหลับสนิทลง….
“ตื่นครับ ลูกคยองซู ตื่นได้แล้วนะ” ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาในสถานที่แห่งหนึ่ง มันสว่างไปด้วยแสงโทนสีเหลืออมส้ม เหมือนพระอาทิตย์แต่ที่นี่กลับไม่มีพระอาทิตย์ ผมมองไปรอบๆเจอชายร่างสูงคนหนึ่งยืนยิ้มให้กับผม
“คุณคือใครครับ”
“พ่อมารับลูกเพราะ พระเป็นเจ้าท่านให้มารับลูก”
“พ่อครับ… ผม..”
“ลูกไม่ต้องพูดอะไรนะ ที่นี่มีความอบอุ่นมากพอสำหรับลูกในฤดูหนาวนี้” ผมหันกลับไปมองข้างหลังผมเห็นตัวเองกำลังนอนตัวซีดราวกับไม่มีเลือดในร่างกายแล้ว ทำไมผมจะตายผมต้องตายในสภาพเวทนาแบบนี้
“ครับ.. ”
“ลูกลืมเรื่องในโลกมนุษย์ซะนะต่อไปนี้ลูกคือลูกของพ่อ พ่อไม่ยอมให้ลูกห่างพ่ออีกแล้ว” พ่อของผมเขามากอดผมแล้วจับมือของผมเดินขึ้นรถไฟไปโดยที่ผมไม่ได้กลับไปมองร่างของผมอีกเลย….
ณ วันรุ่งขึ้น ขณะที่ทุกคนกำลังออกจากบ้านเพื่อเดินทางไปบ้านญาติที่ออยู่ไม่ไกล ก็ได้สะดุดกับภาพของเด็กชายคนหนึ่งที่นอนขดอยู่โดยมีหิมะบางส่วนอยู่บนร่างของเขา และใกล้ๆมีกองไม้ขีดไฟกับไฟแช็ก
“หนู หนูมานอนทำไมตรงนี้” หญิงชราผู้เดินเข้ามาเอามือเขย่าร่างของเด็กชายคนนี้เบาๆ แต่เด็กชานคนนี้ยังคงหลับสนิทต่อไป
“ป้ายองซู อรุณสวัสดิ์วันคริสมาสครับ” ผมเดินเข้าไปทักทายป้ายองซูเพื่อนบ้านผม และก็ได้พบกับคยองซูนอนนึ่งอยู่บนพื้น ผมรีบเข้าไปดูเด็กคนนี้โดยในใจภวนาว่าเขาจะต้องไม่เป็นอะไรผมเขย่าเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า คยองซุก็ไม่ตื่นรอยช้ำบนใบหน้าและลำตัวคงบอกได้ดีว่าคยองซูพบเจอกับอะไรในคืนวันคริสมาสอีฟ มันอาจจะเป็นคืนหรือช่วงเทศกาลที่หลายๆคนรอคอยและได้มีความสุขกับครอบครัว แต่คงไม่ใช่กับคยองซูผู้นี้ สำหรับคยองซูคืนก่อนวันคริสมาสนั้นคงเป็นคืนที่โหดร้ายและขมขื่นสำหรับเขา แต่ตอนนี้เขาไม่ต้องอยู่รับความเจ็บปวดบนโลกนี้อีกแล้ว ผมเชื่อว่าพระเจ้าจะให้ความอบอุ่นที่เขาได้ขาดหายไปตอนยังมีชีวิต ตลอดนานเท่านาน หลับให้สบายนะคยองซู
นี่ก็เป็นเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตัวผมเมื่อปีที่แล้ว ผมรับกระดูกของคยองซูไปลอยอังคารเพราะเขาไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนและพ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่เป็นเด็ก ทำไมเด็กคนนี้ทำให้ผมถูกชะตาได้นะผมไม่รู้จริงๆเพราะแววตาที่ใสซื่อ และความตั้งใจของเขาที่ไม่ยอมรับทิปเพราะคิดว่าผมสงสารเขาหรือเปล่าผมก็ไม่รู้ได้ แต่ผมรู้อย่างนึงว่า คยองซูต้องมีความสุขอยู่บนสวรรค์แน่นอน
คิม จุนมยอน
วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557
EXO - NC The siries
ภายในห้องตรวจของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง“คุณคยองซูคุณช่วยเล่าเหตุการณ์หน่อยได้ไหมครับว่าเกิดอะไรกับคุณ”
“คือ….”
ย้อนกลับไปเมื่อสามวันก่อนในห้องน้ำมหาวิทยาลัยของเขา ขณะที่ผมอยู่ห้องน้ำห้องในสุดเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า จากชุดทำงานในร้านสะดวกซื้อมาเป็นชุดลำลองทั่วไปเพื่อเตรียมเข้าเรียนในชั่วโมงเรียน และเมื่อผมปลดล็อกกลอนและกำลังจะออกจากห้อง แต่ก็มีเสียงโครมคราวอยู่ข้างนอก ผมจึงแง้มประตูเพียงเล็กน้อยแล้วมองออกไป ผมเห็นชานยอลถูกใครสักคนคร่อมไว้ที่อ่างล้างมือในสภาพของชานยอลมีเลือดออกที่มุมปาก ชานคนนั้นกำลังดดึงกางเกงของชานยอลออก แม้ชานยอลพยายามจะฝืนการกระทำของฝ่ายตรงข้ามแต่เหมือนอีกคนนจะหมัดหนักไม่น้อย หมัดลูกนั้นตรงเข้าที่ท้องของชานยอลนายคงเจ็บและจุกมากแน่ๆชานยอล ผมมอยากจะเข้าไปช่วยแต่ตัวเล็กๆอย่างผมผมควรจะรู้ตัวเองดีผมควรทำเหมือนผมไม่มีตัวตนในห้องน้ำนี้ ผมจึงเอาโทรศัพท์ของผมตั้งไว้ที่พื้นห้องน้ำแล้วดูผ่านกล้องว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตอนนั้นมุมมองของผมกว้างขึ้นแล้ส มือชานยอลถูกเนคไทมัดมือไว้ และไทค์อีกเส้นมัดไว้ที่ปากของชานยอล และผมค่อยๆขยับกล้อง ผมก็เห็นหน้าของคนที่กำลังทำร้ายชานยอลอยู่ “พี่คริส” เดือนคณะเกษตร เหตุการณ์ตรงนี้แตกต่างจากหนังโป๊หลายๆเรื่องที่ผมดู มันไม่มีการปลุกอารมณ์อะไรทั้งนั้น พี่คริสรูดซิบกางเกงและถกลงมาเล็กน้อยพอให้นำแก่นกายออกมาได้ แล้วมันก็ถูดยัดเข้าไปที่ด้านหลังของชานยอลพร้อมกับตบแรงๆไปที่หน้าของชานยอลจนต้องหันไปตามแรง Action ตามกฎฟิสิกส์
“มึงจะขมิบไว้ทำเหี้ยไร” พี่คริสผมที่ว่าน่ากลัวที่เป็นคนนิ่งๆนี่ตอนโมโหยิ่งน่ากลัวเข้าไปกว่าเดิม คงเพราะสอดเข้าไปไม่ได้ถึงได้ได้โมโหขนาดนี้นี่ ชานยอลกับคริสเป็นอะไรกันและมันก็หยุดความคิดผมไปด้วยเสียงครางจากความเจ็บของชานยอล ผมควรทำไงดีๆๆ ได้แต่คิดเฉยๆในใจเท่านั้น
สะโพกของพี่คริสกำลังสวนเข้าไปใส่ชานยอล เสื้อของชานยอลถูกกระชากและมีพี่คริสเล้าโลมให้ ชานยอลดูไม่ได้อยากร่วมกับมันเลยสักนิด ดูได้จากน้ำตาที่ไหลออกมาจากตาขขอชานยอล
พี่คริสจิกผมของชานยอลแล้วดึงให้ชานยอลลงไปนอนอยู่ที่พื้น สะโพกของชานยอลกระทบกับพื้นจนเกิดเสียงโทนทุ้มต่ำประมาณว่า“ตึง..” ผมนึกว่าพี่คริสจะสอดแก่นกายเข้าไปแล้วทำต่อไม่ใช่ครับ มันน่ากลัวกว่านั้น พี่คริสดึงกางเกงของชานยอลออกแล้วไปไปไว้มุมหนึ่งของบริเวณโถปัสวะ ดึงเข็มขัดออกจากกางเกงแล้วมารัดไว้ที่ข้อเท้าของชานยอล พี่คริสจับขาของชานยอลที่ถูกรวยไว้พาดบ่าข้างหนึ่งแล้วสอดแก่นกายเข้าไปและเริ่มสวนแก่นกายอีกครั้ง ของเหลวสีแดงประหนึ่งน้ำทับทิมผสมกับน้ำองุ่น ไหลออกมาจากตัวชานยอลและมันไหลมาเยอะมาจากผมเลิกคิดไปได้เลยว่ามันมาจากการฉีกขาดของกล้ามเนื้อหูรูดที่ช่องทางหลังของชานยอล และไม่นานพี่ครึสกระถอนแก่นกายออกมาแล้วนำแก่กายนั้นไปอยู่ในระดับหน้าของชานยอลพร้อมเอามือสาวแก่นกาย ของเหลวสีขาวไหลออกจากปลายแก่นกายแล้วหยดลงใส่หน้าของชานยอล
“เอามึงก็สนุกดีว่ะ” พี่คริสพูดพร้อมแต่งตัวให้ตัวเองแค่สอดชายเสื้อเข้าใต้กางเกงเท่านั้น และพี่คริสแต่งตัวเสร็จก็หยิบกระเป๋าตังมาหยิบเงินจำนวนหนึ่งแล้วโยนใส่ชานยอล
“กุไปล่ะ ไว้จะมาใช้มึงใหม่” พี่คริสเดินออกจากห้องน้ำไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมจึงเก็บของๆผมในห้อง แล้วเดินออกไปหาชานยอลผมคุุกเข้ามองชานยอลแล้วค่อยๆแก้มัดให้ชานยอล สภาพชานยอลตอนนี้คือผมไม่อยากให้ใครมาเห็นเลย หน้าตาและเนื้อตัวเขียวช้ำเป็นรอยม่วง แถมสภาพหัวแตกเลือดนอง หลังจากที่ผมแก้มัดแล้วผมก็แต่งตัวให้ชานยอล แต่ชานยอลหมดสติไปแล้วล่ะคงตั้งแต่หัวแตก นาฬิกาบนโทรศัพท์เป็นเวลาบ่ายกว่าคณะผมเริ่มขึ้นเรียนแล้ว ผมจึงใช้โทรศัพท์เรียกแท็กซี่ให้มารับในมหาลัย จนผมพาชานยอลกลับมาที่บ้าน ผมพยายามพยุงคนตัวสูงกว่าไปนอนบนเตียงของผม คุณกำลังมองว่าผมเป็นคนดีใช่ไหมครับ ที่ช่วยเพื่อนแบบนี้ทำไมผมไม่พาชานยอลไปโรงพยาบาล ผมไม่อยากให้พี่คริสเสียคนครับ เพราะมันจะเป็นคดี และผมก้ไม่อยากให้ชานยอลเคยมีประวัติหรือบันทึกประจำวันไว้ว่า “โดนข่มขืน” ผมค่อยๆปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ดหลังจากเช้ดตัวและทำแผลให้ชานยอลแล้ว สายตาผมไม่ได้ละจากชานยอลเลย แม้ชานยอลจะถูกพี่คริสซ้อมจนตัวช้ำ กางเกงของผมมันหลุดไปแล้ว ผมค่อยๆย้ายตัวเองขึ้นไปบนเตียงแล้วคร่อมชานยอลไว้ “ตอนตื่นน่ารักไม่แพ้ตอนหลับเลย” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ มือผมวัดชีพจรที่ข้อมือของชานยอล ร่างกายของชานยอลคงแค่มีแผลฟกช้ำสิ่นะ นิ้วของผมค่อยๆเกี่ยวขอบกางเกงของชานยอลลงมา ถอดดึงกางเกงชานยอลลงจนสุดปลายเท้า แก่นกายของชานยอลมันน่าสัมผัส จนผมไร้สติไปชั่วครู่ผมได้สติมาลางๆอีกครั้งตอนที่ปากของผมกำลังเล่นสนุกกับแก่นกายที่กำลังแข็งตัวเป็นแท่งตรง ผมชอบผิวสัมผัสแก่นกายของชานยอลตรงปลายที่เป็นสีชมพูหวาน มากเป็นที่สุดเลยครับตอนนี้เริ่มมีของเหลวเป็นวุ้นเมือกไหลออกมาผมเลีและดูดมัน รสชาติผมไม่สามารถบรรยายออกมาได้ครับ มันหาอาหารอะไรที่รสชาติแบบนี้ไม่ได้เลย
วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2557
BTS - [_____] Part 12 NC only
## NC ##
แล้วคืนวันนั้นพี่คริสก็พาผมมาส่งที่หอ แต่พี่คริสลืมไปว่าผมยังไม่ได้กินอะไรเพราะเพิ่งออกจากเวร ส่วนพี่คริสน่ะหรอครับออกจากออฟฟิตมาก็ร้านอาหารเต็มไปหมด ต่างจากผมที่มองไปทางไหนก็มีแต่คนไข้ๆๆ และก็พยาบาล
“พี่คริสผมลงไปซื้ออะไรมากินก่อนนะ”
“อือๆ ไม่ให้เขาเอามาส่งล่ะ”
“ดึกขนาดนี้คงไม่มีแล้วล่ะครับ เดี๋ยวผมมานะ” แล้วผมก็เดินออกจากห้องลงไปยังร้านแฟมมิลี่มาทข้างล่างหอ ตอนนี้ผมรอพนังงานอุ่นข้าวให้ผม สายตาของผมก็มองไปรอบๆเคาเตอร์ จนมาสะดุดกับกล่องถุงยางอนามัยแล้วภาพเมื่อตอนค่ำก็เข้ามาอยู่ในหัวของผม
“อุ๋ง วันนี้วันครบรอบ 3 ปีของเรา พี่ขออะไรอย่างได้ไหม”
“ได้สิ่ครับ พี่อยากได้อะไรหรอ”
“พี่อยากมีลูก ลูกจริงๆนะ”
ผมชักอยากมีลูกตามที่พี่คริสบอกแล้วสิ่ แต่ผมคบกับพี่คริสมา 3 ปี ผมยังไม่เคยมีอะไรกับพี่คริสเลย ผมควรทำยังไงดีสมองผมเริ่มคิดอะไรให้มันยุ่งยากตามความเคยชินของคนเป็นแพทย์ จนมีเสียงพนักงานมาขัดความคิดผม
“คุณคะของได้แล้วค่ะ”
“อ่า...ครับ ถุงยางอันไหนดีสุดครับ” ผมหลุดพูดออกไปเพราะสติผมมันยังอยู่ในห่วงความคิด แต่พอผมได้สติกลับคืนมาแล้ว ผมก็แอบที่จะเขินไม่ได้ นี่ผมถามอะไรออกไปเนี่ย....
“คะ” เสียงของพนักงานคนที่ถูกผมถามอะไรบ้าๆออกไป เขากลับขานรับผมอย่าง งงๆ บรรยากาศแบบนี้แอบทำผมไปไม่ถูกเหมือนกัน
“ปะเป..”
“ถ้าเป็นตัวที่ขายดีที่สุดจะเป็นตัวนี้ค่ะ ถ้าจะเอาแบบบางๆเหมือนไม่ใส่รุ่นนี้จะบางกว่าตัวอื่น” แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ขณะที่ผมกำลังจะบอกว่า เปล่าไม่มีอะไรเขากลับมาแนะนำถุงยางตามที่ผมถามอย่างคล่องแคล่ว พร้อมกับหยิบสินค้ามาวางบนเคาท์เตอร์ กล่องสีฟ้าคือกล่องที่ขายได้มากที่สุด ส่วนสีกล่องสีเงิน เป็นแบบบาง ขณะที่ผมกำลังตัดในระยะเวลาอันสั้นสายตาเจ้ากรรมของผมก็ไปสะดุดกับกล่องสีเทาๆ แต่เป็นของอีกยี่ห้อหนึ่งเขียนกับคำที่เขียนบนกล่องว่า “แบบขรุขระ”กับ ”แบบสไปรอล” และคำถามก็เข้ามายังหัวผมอีกครั้งแต่มันไม่ได้อยู่ในหัวผมเท่านั้น มือผมเอื้อมไปหยับทั้งสองกล่องนั้นมาวางคนเคาท์เตอร์
“เอาสองกล่องนี้นะคะ” ผมยังไม่ทันได้ถามแต่พนักงานคนนั้นก็เอาทั้งสองกล่องที่ผมหยิบมา ไปคีย์เข้าเครื่องรวมกับค่าอาหารแล้วก็.. 7,000 วอน
“ขอบคุณค่ะ โอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ” ผมเดินขึ้นห้องของผมมาอย่างงงๆ เมื่อมาถึงหน้าห้องผมก้มมองดูนาฦกาข้อมือนี่ผมลงไปข้างล่างร่วมๆครึ่งชั่วโมงเลยหรอ ป่านนี้พี่คริสรอจนหลับไปแล้วมั้ง ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องก็ค่อยโลล่งใจหน่อยที่พี่คริสยังอยู่แต่สภาพพี่คริสคือ สีหน้าเซ็งสุดๆ เพราะห้องผมไม่มีทีวีให้ดูสิ่นะ
“ไหนซื้ออะไรมากินบ้างเจ้าอุ๋ง” พี่คริสลุกขึ้นมาคว้าถุงในมือของผมไปแล้วนั่งลงที่โต๊ะญี่ปุ่นแล้วหยิบของในถุงออกมาทีละอย่าง จนเจอของเจ้าปัญหา
“นี่อะไรน่ะชานยอล”
“กะก็....”
“อยากทำการบ้าน ทำไมไม่บอกพี่ล่ะ”
“คะคือ... “ คำพูดของผมถูกกลืนไปกับจูบของพี่คริสที่เอื้อมตัวเข้ามาหาผม มือพี่คริสโอบเอวแล้วดึงผมเข้าไปแต่เพราะพี่คริสเอี้ยวตัวมามากไปทำให้พี่คริสล้มทับตัวผม สภาพของผมตอนนี้มันค่อนข้างจะล่อแหลม พี่คริสละจูบออกจากผมช้าๆ แล้วลุกออกจากตัวผม
“กินให้อิ่มก่อนนะครับคุณหมอ อย่าคิดว่าคืนนี้จะรอด”
“พี่คริส!!! ” ผมคว้าตุ๊กตาหมาที่อยู่ใกล้ๆตัวปาใส่พี่คริส คนอะไรผมกำลังเคลิ้มแล้วจากไปซะงั้นพี่ไม่รู้สิ่นะว่าผมเขินขนาดไหน แต่ก็ถูกของพี่คริสถือผมหิวจนจะเป็นลมแล้ว
หลังจากที่ผมกินข้าวที่ซื้อมาจนอิ่มก็ก็เงยหน้าขึ้นมาผม แต่พี่คริสไม่ได้อยู่ตรงหน้าผมแต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากผมหยิบช้อนกับตะเกียบรวมถึงขยะมาทิ้งในส่วนที่เป็นครัวเล็กๆ สมาธิของผมกำลังจดจ่ออยู่กับการล้างจานอาหารมื้อเช้าในอ่างล้างจานผมก็สัมผัสได้ถึงความชื้นที่หลังของผมและก็ไหล่ผมข้างขวาหนักที่ผมก็รู้ว่าใคร
“พี่คริสไปใส่เสื้อเลย”
“ใส่ทำไมล่ะเดี๋ยวก็ต้องถอด” ทำไมโชคชะตาต้องแกล้งผมนะ ทันทีที่ผมล้างตะเกียบเสร็จตัวของผมก็ลอยมาอยู่บนเตียงจากการอุ้มของพี่คริส และหมดทางหนีจากการคร่อมของพี่คริส
“พี่คริสกล้าทำจริงๆหรอ”
“ไม่พร้อมล่ะสิ่”
“ก็อุ๋งไม่รู้ว่าต้องทำไงหนื”
“งั้นอยู่เฉยๆพอนะครับ” จากนั้นพี่คริสก้มลงมากระซิบข้างหนุผมเบาๆว่า “เจ็บหน่อยนะ ทำไมไม่ซื้อ KY มาด้วยล่ะ” แล้วหอมแก้มของผมราวกับให้กำลังใจของผมที่ตอนนี้มันแทบจะไม่เหลือแล้ว เหมือนร่างกายของผมรับรู้ได้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึนแก่นกายของผมก็เริ่มตื่นตัวภายใต้กางเกงของผม ส่วนพี่คริสกำลังใช้ลิ้นเล่นกับยอดอกของผม คือมันจักจี้ก็จักจี้นะ แต่พี่คริสบอกให้ปล่อยตัวสบายๆ มันก็เริ่มมีความรู้สึกเสียวๆขึ้นมาแทรก ผมปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็รู้สึกดีอยู่ระดับหนึ่ง ผมไม่รู้หรอกว่าพี่คริสทำอะไรผมบ้างรู้แค่ว่ามันเบาๆตัวแล้วมันรู้สึกดี
“ชานยอล.. จำที่พี่ทำเอาไว้นะ”
“จำไรครับ”
“จำอันนี้ไงครับ”
“..” พี่คริสใช้ปากของเขามาอมแก่นกายของผม ผมรู้สึกอุ่นที่แก่นกายของผมจัง เพียงหลังจากที่พี่คริสผมแก่นกายไม่นานลิ้นของพี่เขาก็เลียแก่นกายสลับกับดูดเม้มแก่นกายของผม ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้ผมเสียวสุดๆมากกว่าการช่วยตัวเองด้วยมือของผมอีก คงเป็นเพราะว่าสัมผัสที่เปลี่ยนไปยิ่งตอนที่พี่คริสเอาลิ้นมาเลียปลายแก่นกายของผมจังหวะนั้นผมบอกเลยว่า ร่างกายของผมเสียวจนหลังไม่ติดที่นอนเลย
“พี่คริสผมจะออกแล้ว”
“ครับ ทีนี้เราทำให้พี่บ้างนะ” พี่คริสถอดผ้าขนหนูที่พันร่างกายท่อนล่างของพี่เขาอยู่ในสภาพพร้อมจะหลุดตลิดเวลา อ่าทำไมนะผมเห็นพี่คริสนุ่งผ้าขนหนูออกจะบ่อยแต่ไม่เห็นจะเขินอายยเท่าครั้งนี้คงเป็นเพราะว่า ผมจะได้เห็นแก่นกายของพี่คริสก็ได้ ผ้าขนหนูของพี่คริสปลิวตกไปอยู่ที่ข้างเตียงแล้วเหลือข้างหน้าของผมตรงนี้คือแก่นกายขนาดสมส่วนเท่ากับร่างกายของเขา มือของผมออกอาการสั่นเบาๆ ผมพยายามคุมมือของผมให้ไปจับแก่นกายของพีี่คริส ตอนนี้ผมเคลิ้มไปกับมันเพียงแค่ได้เห็น เคลิ้มจนปากของผมสัมผัสกับแก่นกายของพี่คริสไปแล้วทีนี้มันต้องทำยังไงต่อ ผมก็เริ่มจากเอาลิ้นเลียแก่นกายแบบไม่เป็นภาษา
“อะ อุ๋ง.. ฟัน อ่ะ...” เหมือนฟันของผมจะถูกโดนปลายแก่นกายของพี่คริสตอนผมพยายามจะเลียปลายแก่นกาย เหมือนที่พี่คริสทำให้ ตอนนั้นผมคิดว่าทำไมมันยากจัง แต่มือของพี่คริสทั้งสองข้างก็มาจับหัวของผมขึ้นลงเบาๆ แล้วบอกกับผมว่า “ดูดอย่างเดียวนะ” แล้วจิตใจของผมพร้อมทั้งสติก็หลุดลอยไปกับคำพูดนั้นของพี่คริส จนพี่คริสจับหัวผมหัวละออกมาจากแก่นกายของพี่คริสแล้วจูบผม ลิ้นของเราสัมผัสกันต่างจากทุกๆครั้งที่เราจูบกัน ลิ้นของพี่คริสเล่นกับลิ้นของผมและมันรุกกว่ารุนแรงกว่า ดั่งหมาป่าที่กำลังหิวกระหายมือของพี่คริสสอดเข้ามาใต้ข้อพับขาของผมแล้วข้าของผมก็ถูกยกพาดไหล่ของพี่คริสไม่นานเพียงแค่ชั่วอึดใจหนึ่งแก่นกายของพี่คริสก็มาจ่อที่ช่องทางด้านหลังของผม สัมผัสแรกที่ผมได้รับคือ
“อ๊าก… อ่ะ”
“เจ็บหรอครับ งั้นแปปนะครับ” พี่คริสถอนแก่นกายออกจากตัวผม แล้วเดินไปหยิบกล่องถุงยางมาสองกล่อง มันคือกล่องที่ผมซื้อมาด้วยความมึนเมื่อกี้ ตอนนี้ผมรู้สึกโล่งมากหลังจากที่พี่คริสถอนแก่นกายออกไป ความสบายมักอยู่กับเราไม่นานพี่คริสฉีกซองถุงยาง กล่องสีเทาผมคุ้นๆว่า มันคือแบบผิวไม่เรียบ ผมไม่รู้ว่าพี่คริสสวมถุงยางเสร็จตอนไหนแต่ ช่องทางของผมสัมผัสได้ถึงผัมผัสชวนขนหัวลุก ความเจ็บมันลดลงแต่แลกมาด้วยความรู้สึกหนืดๆ หนังอ่อนๆในช่องทางของผมตอบรับกับผิวสัมผัสของถุงยางที่พี่คริสสวมไวมาก ผมรู้สึกเสียวได้ทันทีทั้งๆที่พี่คริสยังไม่ได้ขยับกาย
"ค่อยยังชั่วหน่อยไหม"
"พี่คริส.... อุ๋งเสียว.."
ผมพร่ำเพ้ออะไรของผมไม่รู้ แต่มันคงจะถูกใจของพี่คริส เพราะจบคำสั้นๆคำนั้น พี่คริสก็เริ่มสวนแก่นกายเข้ามาแบบเนื่องๆเนิบๆ ราวกับเพลงที่มีบีทต่ำๆ ฟังสบายๆได้เรื่อยๆ ผมกำลังดื่มด่ำไปกับมัน
"อ๊า...." ผมหลุดครางออกมา มันเป็นความรู้สึกที่แปลกจนหาอะไรมาทดแทนไม่ได้ สัมผัสแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับผมมาก่อน มันเหมือนกับการรวมตัวของ ความฟิน กับ ความใคร่ ยิ่งผมครางพี่คริสยิ่งสวนกายกลับมาหาผมเร็ว ใช่แล้ว..แบบนี้หล่ะ ตอนนี้ผมต้องการพี้คริสมาก
"ตอดเก่งนะเรา" พี่คริส...ผมไม่ได้ตอดพี่นะครับ ร่างกายจองผมมันต้องการพี่เพราะ ร่างกายของผมมันคิดว่า แก่นกายพี่คริสคือสิ่งแปลกปลอม และยังไม่บินกับการเข้าออก ทำให้ช่องทางของผม บีบรัดแก่นกายของพี่คริสทุกครั้งที่พี่คริสถอยแก่นกายออก และนั้นแหละคือจุดที่ทำใฟ้ผมเสียว
"เพราะ.. ผมต้องการพี่ไงครับ" ราวกับเป็นประโยคพิชิตใจผัว พี่คริสจับพลิกท่า ให้ผมนั่งคร่อมทับแก่นกายพี่คริสไว้
"ถ้าต้องการจริงช่วยพี่นะครับ ของขย่มดูนะ" ผมมองพี่คริสจากมุมนี้มัน.. เซ็กซี่มากเลยครับ พี่คริสเอามือมาจับแก้มผมเบาๆ
"ลองดูนะครับ คุณหมอ" ผมลองขยับตัวแนวตั้ง ผมเริ่มมีอาการจุกเล็กน้อย เพราะแก่นกายที่สวนเข้ามาในร่งของผมมันเข้ามาลึกไป ผมไม่ชอบท่านี้ของพี่คริสเลย หลังจากที่ผมขย่มได้สักพัก ฝ่ามืออุ่นของพี่คริสก็มาจับที่แก่นกายของผม จากนั้นแก่นกายของผมก็ถูกรูดช้าๆ ขอให้คำจำกัดความว่า เสียวสองทาง ที่ฐานแก่นกายของผมตอนนี้เริ่มออกอาการแข็งตัวเล็กๆ นี่... ผมจะเสร็จแล้ว
"จะแตกแล้ว... อ๊าาา" สิ้นคำแก่นกายของผมที่ตอนนี้น้ำใสหยาดเยิ้ม จนฉ่ำไปทั้งปลายแก่นกาย ก็เกร็งจนกระตุกเบาๆ พร้อมปล่อยน้ำสีขาวขุ่น ออกมาแต่มันไม่เหมือนกับผมช่วยตัวเอง มันพุ่งออกไปข้างหน้าแทนที่จะหลั่งออกมาที่ฝ่ามือ หน้าท้องไปจนถึงอกของพี่คริส มีน้ำสีขาวของผมเป็นสายตรง
"ไม่ได้ว่าวนานล่ะสิ่" พี่คริสลุกขึ้นมาพร้อมมือจับที่สะโพกของผมเพื่อไม่ให้ แก่นกายหลุดออกจากช่องทางของผม หลังผมเอนราบไปกับที่นอน ตามแรงโน้มถ่วง พี่คริสสวนแก่นกายกลับมาถี่มากจน ผมสัมผัสได้กับของเหลวอุ่นๆ เมื่อพี่คริสถอนแก่นกายออกมาได้สักพัก ผมรู้สึกเหนอะหนะที่ง่ามขาด้านหลัง พี่คริส...สัมผัสมันคล้ายๆกับตอนผมเคยลองช่วยตัวเองจนเปื้อนเชิงกรานแต่ยังไม่ได้เช็ด ผมรู้ได้อีกทีและคำตอบชีดเจนจากพี่คริสคือ
"ขอโทษครับ พี่อยากแตกใน"
"คนบ้า.... " ผมมีแรงพูดได้แค่นั้นจริงๆ และนี่ก็คือ ครั้งแรกของผมกับพี่คริส ผมอยากทำอีกครั้งจัง สารอะดีนารีนของผมถูกปลดปล่อยออกมาจำนวนมาก และ... ผมก็หลับไปในที่สุด
BTS - [_____] [ V x TaeHyung x Kook ] Part 12 NC
ชานยอล พาร์ท
ใครๆก็อาจจะมองว่าผมเก่งนะครับ เป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอกชน ควบกับ ผู้จัดการห้างสรรพสินค้าดังของกรุงโซล ผมเชื่อครับว่ามีหลายๆคนอิจฉาผม แต่ความจริงที่เขาไม่รู้คือผมเหนื่อยขนาดไหนที่ต้องมาทำงานที่ผมไม่ได้ชอบเลย ผมชอบที่จะออกไปพบปะกับผู้คนที่ไม่สบาย แล้วรักษาเขาคนนั้นให้หายมากกว่า มานั่งอยู่ในห้องทำงานไปวันๆ กับกองเอกสารกองโต ผมเลยถามเจ้าของตำแหน่งนี้คนเดิมแล้วว่าทำไมถึงต้องมาเป็น ผู้จัดการด้วย แต่เขาก็ตอบมาว่า เป็นธุรกิจของครอบครัวเลยจะสานต่อ ที่สำคัญคือเขาบอกว่างานแบบนี้มันสนุกดี
“พี่คริส มาได้ยังไงครับ”
“พี่มารับเราน่ะ ยังไม่ออกเวรอีกหรอ”
“กำลังไปลงชื่อออกครับ พี่คริสรอแปปนะครับ” ผมหอมแก้มของพี่คริสแล้วเดินด้วยความเร็วเพราะความเขิน จนกระทั่งผมลงชื่อออกจากเวรเสร็จแล้ว ผมก็เดินออกมาหาพี่คริสที่โถงต้อนรับของโรงพยาบาล เมื่อผมเห็นพี่คริสผมก็เดินเข้าไปหาเขาจากข้างหลังแล้วเอามือปิดตาของพี่คริสไว้
“พี่รู้นะว่าเป็นเรา ชานยอล”
“ผมรู้ว่าพี่รู้อยู่แล้ว แต่ทำไมวันนี้พี่แต่ตัวหล่อจัง”
“เดี๋ยวเราก็รู้เองแหละอุ๋ง” พี่คริสหมุนตัวหันหน้ามาทางผมแล้วเอามือมากอดผม แต่ไม่นานกอดนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นการอุ้มผมแทน พี่คริสอุ้มผมมายังรถที่จอกอยู่ในลานจอดรถหน้าโรงพยาบาล ผมขึ้นไปนั่งบนรถทันทีหลังจากที่พี่คริสวางผมลง หลังจากที่รถเริ่มวิ่งอยู่บนท้องถนนได้ระยะหนึ่ง ทางที่ผมให้กลับบ้านทุกวันมันกลับเปลี่ยนเป็นอีกทาง แต่มันก็เป็นทางที่ผมรู้สึกคุ้นเคย และตามวลีในภาษาไทยที่ลูกของผมเพิ่งได้สอนมา และแล้วผมก็ถึงบางอ้อ ที่ที่พี่คริสมาผมมาคือ มหาวิทยาลัยของเราสองคน รถของพี่คริสตอนนี้จอดอยู่ในลานจอดรถของคณะบริหาร พี่คริสเดินลงมาเปิดประตูให้ผมเหตุการณ์ตอนนี้ผมสัมผัสและรู้สึกได้ว่า มันเหมือนอยู่ในหนังโรแมนซ์ที่พระเอกลงมาเปิดประตูให้แล้วเดินจับมือพานางเอกไปที่ๆหนึ่ง
“พี่พาผมมาทำไมหรอครับ”
“เดี๋ยวอุ๋งก็รู้” พี่คริสพาผมเดินมาทางที่ผมคุ้นเคยกว่าเดิม ทางเดินหลังคณะที่มันเชื่อมกับโรงอาหารคณะแพทยศาสตร์ของผม เหมือนเหตุการณ์ตอนนี้ผมเริ่มเดาได้แล้ว พี่คริสหยุดเดินขึ้นมาและผมจำได้ว่าตรงนี้เป็นจุดที่พี่คริสเคยเป็นผมตอนผมกินข้าว ที่โต๊ะข้างขวาของผม
“อุ๋งจำได้ไหม ตรงนี้เคยเกิดอะไรขึ้น”
“จะได้สิ่ครับ พี่เดินเข้ามาแล้วก็เป็นลมไปเลย”
“จำแม่นเหมือนกันนะเรา แล้วรู้ไหมทำไมพี่ถึงเป็นลม” ใช่สิ่ผมไม่เคยถามเลยว่าทำไมพี่เขาถึงเป็นลม
“ไม่รู้อ่ะครับ พี่บอกผมมานะ”
“พี่กำลังจะมาจีบอุ๋งเพราะแพ้พนันเพื่อน แต่เราน่ะกำลังนั่งจ้องกะโหลกคนกลางโรงอาหาร”
“อ่อที่แท้พี่ก็กลัวอาจารย์ผม สมควรแล้วล่ะครับมาจะจีบผมเล่นๆ”
“ก็ถ้าไม่มีวันนั้น พี่จะคบกับเราถึงตอนนี้หรอ”พี่คริสเอามือทั้งของของเขามาจับที่หน้าผากผมแล้ว หน้าพี่คริสก็เข้ามากดจูบลงบนหน้าผากของผมเบาๆ ตอนนี้ตัวผมก็ปล่อยไปตามอารมณ์มือของผมไปโอบเอวของพี่คริสตอนไหนผมยังไม่รู้เลย
“อุ๋ง วันนี้วันครบรอบ 3 ปีของเรา พี่ขออะไรอย่างได้ไหม”
“ได้สิ่ครับ พี่อยากได้อะไรหรอ”
“พี่อยากมีลูก ลูกจริงๆนะ”
“แล้วพี่จะให้ผมทำยังไงล่ะ”
“พี่รู้ว่าเราฉลาดเดี๋ยวก็คิดได้พี่ไม่รีบหรอก” พี่คริสเอามือมายีหัวของผมเบาๆ แล้วก็จูงมือผมเดิทอดน่องไปรอบๆ คณะใกล้สาเหตุน่ะหรอครับ พี่คริสเขาไม่อยากอยู่ที่คณะแพทย์นานๆเพราะว่ากลัวบรรยากาศเงียบๆ กับคณะของผม มันติดแค่คณะบริหาร เลยทำให้ที่รอบๆมันโล่งเลยทำให้บรรยากาศมันเย็นๆ หลายๆคนบอกว่าตอนกลางคืนคณะผมน่ากลัว ผมว่าเพราะคณะผมมีอาจารย์ใหญ่มากกว่าทุกคนเลยกลัว
“แล้วพี่พาผมมาที่นี่ทำไมอ่ะครับ”
“ก็วันนี้วันครบรอบ ไปร้านอาหารหรูๆ ก็เบื่อแถมนายแพทย์แถวนี้ไม่ค่อยชอบอีกต่างหาก”
“พี่รู้ด้วย พี่อยากมีลูกมากเลยสิ่นะครับ ช่วงนี้ดูแลผมเป็นพิเศษไงไม่รู้”
“ก็มีส่วนครับ” ตอนนี้ผมกับพี่คริสนอนเล่นอยู่ที่สนามหญ้าหน้าอนุเสาวรีย์ผู้ก่อตั้งมหาลัย มือของรับข้างหนึ่งยังคงจับกันไว้ไม่ต่างจากตอนเดิน ผมอยู่กับพี่คริสมันอบอุ่นมากเลยนะครับ หัวของผมตอนนี้กำลังหนุนไหล่ของพี่คริสอยู่ มือที่ผมกับพี่คริสจับกันตอนนี้ผมเปลี่ยนมากอดพี่เขาไว้แทน เพราะอากาศเย็นๆของกรุงโซลตอนค่ำแก่ๆ
“พี่คริส”
“ครับผม”
“พี่เล่าให้ฟังหน่อยว่าทำไมถึงมาคบกับอุ๋งได้”
“พอพี่เป็นลมใช่ป่าว พี่ลืมตาตื่นมาในโรงพยาบาลของมหาลัย พี่เห็นเราเดินอยู่ในห้องตอนนั้นพี่ไม่รู้หรอกว่าเป็นเรา รู้แค่ว่าคนตัวสูงสมส่วนออกโย่งนิดๆ กับเสื้อกราวน์สีขาวมันเข้ากันมาก จนได้เห็นหน้าเราชัดๆ พี่ก็เริ่มชอบเราตั้งแต่ตอนนั้น”
“แล้วยังไงต่อหรอครับ”
“พอพยาบาลมาเปลี่ยนน้ำขวดเกลือ พี่ก็ถามพยาบาลว่าเราน่ะชื่ออะไร พอพี่รู้จักชื่อเราพี่ว่าชื่อเราน่ะเพราะมากเลยนะ จนออกจากโรงพยาบาลมาเรียนพี่มองออกไปที่ตึกของเรา ก็เห็นเรากำลังนั่งจดเรคเชออยู่ตลอด พี่ว่านี่แหละเนื้อคู่ของพี่”
“พี่คริส”
“ครับ”
“อุ๋งเลี่ยน.... พี่จะตั้งชื่อลูกว่าอะไรดีอ่า”
“พี่อยากให้ลูกเราชื่อ จองกุก แล้วก็มีนิสัยเหมือนเรา”
“งั้น... ผมพอมีวิธีแล้วล่ะครับป่ะพี่คริสกลับบ้านกันหนาว” 50%
## NC ##
แล้วคืนวันนั้นพี่คริสก็พาผมมาส่งที่หอ แต่พี่คริสลืมไปว่าผมยังไม่ได้กินอะไรเพราะเพิ่งออกจากเวร ส่วนพี่คริสน่ะหรอครับออกจากออฟฟิตมาก็ร้านอาหารเต็มไปหมด ต่างจากผมที่มองไปทางไหนก็มีแต่คนไข้ๆๆ และก็พยาบาล
“พี่คริสผมลงไปซื้ออะไรมากินก่อนนะ”
“อือๆ ไม่ให้เขาเอามาส่งล่ะ”
“ดึกขนาดนี้คงไม่มีแล้วล่ะครับ เดี๋ยวผมมานะ” แล้วผมก็เดินออกจากห้องลงไปยังร้านแฟมมิลี่มาทข้างล่างหอ ตอนนี้ผมรอพนังงานอุ่นข้าวให้ผม สายตาของผมก็มองไปรอบๆเคาเตอร์ จนมาสะดุดกับกล่องถุงยางอนามัยแล้วภาพเมื่อตอนค่ำก็เข้ามาอยู่ในหัวของผม
“อุ๋ง วันนี้วันครบรอบ 3 ปีของเรา พี่ขออะไรอย่างได้ไหม”
“ได้สิ่ครับ พี่อยากได้อะไรหรอ”
“พี่อยากมีลูก ลูกจริงๆนะ”
ผมชักอยากมีลูกตามที่พี่คริสบอกแล้วสิ่ แต่ผมคบกับพี่คริสมา 3 ปี ผมยังไม่เคยมีอะไรกับพี่คริสเลย ผมควรทำยังไงดีสมองผมเริ่มคิดอะไรให้มันยุ่งยากตามความเคยชินของคนเป็นแพทย์ จนมีเสียงพนักงานมาขัดความคิดผม
“คุณคะของได้แล้วค่ะ”
“อ่า...ครับ ถุงยางอันไหนดีสุดครับ” ผมหลุดพูดออกไปเพราะสติผมมันยังอยู่ในห่วงความคิด แต่พอผมได้สติกลับคืนมาแล้ว ผมก็แอบที่จะเขินไม่ได้ นี่ผมถามอะไรออกไปเนี่ย....
“คะ” เสียงของพนักงานคนที่ถูกผมถามอะไรบ้าๆออกไป เขากลับขานรับผมอย่าง งงๆ บรรยากาศแบบนี้แอบทำผมไปไม่ถูกเหมือนกัน
“ปะเป..”
“ถ้าเป็นตัวที่ขายดีที่สุดจะเป็นตัวนี้ค่ะ ถ้าจะเอาแบบบางๆเหมือนไม่ใส่รุ่นนี้จะบางกว่าตัวอื่น” แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ขณะที่ผมกำลังจะบอกว่า เปล่าไม่มีอะไรเขากลับมาแนะนำถุงยางตามที่ผมถามอย่างคล่องแคล่ว พร้อมกับหยิบสินค้ามาวางบนเคาท์เตอร์ กล่องสีฟ้าคือกล่องที่ขายได้มากที่สุด ส่วนสีกล่องสีเงิน เป็นแบบบาง ขณะที่ผมกำลังตัดในระยะเวลาอันสั้นสายตาเจ้ากรรมของผมก็ไปสะดุดกับกล่องสีเทาๆ แต่เป็นของอีกยี่ห้อหนึ่งเขียนกับคำที่เขียนบนกล่องว่า “แบบขรุขระ”กับ ”แบบสไปรอล” และคำถามก็เข้ามายังหัวผมอีกครั้งแต่มันไม่ได้อยู่ในหัวผมเท่านั้น มือผมเอื้อมไปหยับทั้งสองกล่องนั้นมาวางคนเคาท์เตอร์
“เอาสองกล่องนี้นะคะ” ผมยังไม่ทันได้ถามแต่พนักงานคนนั้นก็เอาทั้งสองกล่องที่ผมหยิบมา ไปคีย์เข้าเครื่องรวมกับค่าอาหารแล้วก็.. 7,000 วอน
“ขอบคุณค่ะ โอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ” ผมเดินขึ้นห้องของผมมาอย่างงงๆ เมื่อมาถึงหน้าห้องผมก้มมองดูนาฦกาข้อมือนี่ผมลงไปข้างล่างร่วมๆครึ่งชั่วโมงเลยหรอ ป่านนี้พี่คริสรอจนหลับไปแล้วมั้ง ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องก็ค่อยโลล่งใจหน่อยที่พี่คริสยังอยู่แต่สภาพพี่คริสคือ สีหน้าเซ็งสุดๆ เพราะห้องผมไม่มีทีวีให้ดูสิ่นะ
“ไหนซื้ออะไรมากินบ้างเจ้าอุ๋ง” พี่คริสลุกขึ้นมาคว้าถุงในมือของผมไปแล้วนั่งลงที่โต๊ะญี่ปุ่นแล้วหยิบของในถุงออกมาทีละอย่าง จนเจอของเจ้าปัญหา
“นี่อะไรน่ะชานยอล”
“กะก็....”
“อยากทำการบ้าน ทำไมไม่บอกพี่ล่ะ”
“คะคือ... “ คำพูดของผมถูกกลืนไปกับจูบของพี่คริสที่เอื้อมตัวเข้ามาหาผม มือพี่คริสโอบเอวแล้วดึงผมเข้าไปแต่เพราะพี่คริสเอี้ยวตัวมามากไปทำให้พี่คริสล้มทับตัวผม สภาพของผมตอนนี้มันค่อนข้างจะล่อแหลม พี่คริสละจูบออกจากผมช้าๆ แล้วลุกออกจากตัวผม
“กินให้อิ่มก่อนนะครับคุณหมอ อย่าคิดว่าคืนนี้จะรอด”
“พี่คริส!!! ” ผมคว้าตุ๊กตาหมาที่อยู่ใกล้ๆตัวปาใส่พี่คริส คนอะไรผมกำลังเคลิ้มแล้วจากไปซะงั้นพี่ไม่รู้สิ่นะว่าผมเขินขนาดไหน แต่ก็ถูกของพี่คริสถือผมหิวจนจะเป็นลมแล้ว
หลังจากที่ผมกินข้าวที่ซื้อมาจนอิ่มก็ก็เงยหน้าขึ้นมาผม แต่พี่คริสไม่ได้อยู่ตรงหน้าผมแต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากผมหยิบช้อนกับตะเกียบรวมถึงขยะมาทิ้งในส่วนที่เป็นครัวเล็กๆ สมาธิของผมกำลังจดจ่ออยู่กับการล้างจานอาหารมื้อเช้าในอ่างล้างจานผมก็สัมผัสได้ถึงความชื้นที่หลังของผมและก็ไหล่ผมข้างขวาหนักที่ผมก็รู้ว่าใคร
“พี่คริสไปใส่เสื้อเลย”
“ใส่ทำไมล่ะเดี๋ยวก็ต้องถอด” ทำไมโชคชะตาต้องแกล้งผมนะ ทันทีที่ผมล้างตะเกียบเสร็จตัวของผมก็ลอยมาอยู่บนเตียงจากการอุ้มของพี่คริส และหมดทางหนีจากการคร่อมของพี่คริส
“พี่คริสกล้าทำจริงๆหรอ”
“ไม่พร้อมล่ะสิ่”
“ก็อุ๋งไม่รู้ว่าต้องทำไงหนื”
“งั้นอยู่เฉยๆพอนะครับ” จากนั้นพี่คริสก้มลงมากระซิบข้างหนุผมเบาๆว่า “เจ็บหน่อยนะ ทำไมไม่ซื้อ KY มาด้วยล่ะ” แล้วหอมแก้มของผมราวกับให้กำลังใจของผมที่ตอนนี้มันแทบจะไม่เหลือแล้ว เหมือนร่างกายของผมรับรู้ได้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึนแก่นกายของผมก็เริ่มตื่นตัวภายใต้กางเกงของผม ส่วนพี่คริสกำลังใช้ลิ้นเล่นกับยอดอกของผม คือมันจักจี้ก็จักจี้นะ แต่พี่คริสบอกให้ปล่อยตัวสบายๆ มันก็เริ่มมีความรู้สึกเสียวๆขึ้นมาแทรก ผมปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็รู้สึกดีอยู่ระดับหนึ่ง ผมไม่รู้หรอกว่าพี่คริสทำอะไรผมบ้างรู้แค่ว่ามันเบาๆตัวแล้วมันรู้สึกดี
“ชานยอล.. จำที่พี่ทำเอาไว้นะ”
“จำไรครับ”
“จำอันนี้ไงครับ”
“..” พี่คริสใช้ปากของเขามาอมแก่นกายของผม ผมรู้สึกอุ่นที่แก่นกายของผมจัง เพียงหลังจากที่พี่คริสผมแก่นกายไม่นานลิ้นของพี่เขาก็เลียแก่นกายสลับกับดูดเม้มแก่นกายของผม ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้ผมเสียวสุดๆมากกว่าการช่วยตัวเองด้วยมือของผมอีก คงเป็นเพราะว่าสัมผัสที่เปลี่ยนไปยิ่งตอนที่พี่คริสเอาลิ้นมาเลียปลายแก่นกายของผมจังหวะนั้นผมบอกเลยว่า ร่างกายของผมเสียวจนหลังไม่ติดที่นอนเลย
“พี่คริสผมจะออกแล้ว”
“ครับ ทีนี้เราทำให้พี่บ้างนะ” พี่คริสถอดผ้าขนหนูที่พันร่างกายท่อนล่างของพี่เขาอยู่ในสภาพพร้อมจะหลุดตลิดเวลา อ่าทำไมนะผมเห็นพี่คริสนุ่งผ้าขนหนูออกจะบ่อยแต่ไม่เห็นจะเขินอายยเท่าครั้งนี้คงเป็นเพราะว่า ผมจะได้เห็นแก่นกายของพี่คริสก็ได้ ผ้าขนหนูของพี่คริสปลิวตกไปอยู่ที่ข้างเตียงแล้วเหลือข้างหน้าของผมตรงนี้คือแก่นกายขนาดสมส่วนเท่ากับร่างกายของเขา มือของผมออกอาการสั่นเบาๆ ผมพยายามคุมมือของผมให้ไปจับแก่นกายของพีี่คริส ตอนนี้ผมเคลิ้มไปกับมันเพียงแค่ได้เห็น เคลิ้มจนปากของผมสัมผัสกับแก่นกายของพี่คริสไปแล้วทีนี้มันต้องทำยังไงต่อ ผมก็เริ่มจากเอาลิ้นเลียแก่นกายแบบไม่เป็นภาษา
“อะ อุ๋ง.. ฟัน อ่ะ...” เหมือนฟันของผมจะถูกโดนปลายแก่นกายของพี่คริสตอนผมพยายามจะเลียปลายแก่นกาย เหมือนที่พี่คริสทำให้ ตอนนั้นผมคิดว่าทำไมมันยากจัง แต่มือของพี่คริสทั้งสองข้างก็มาจับหัวของผมขึ้นลงเบาๆ แล้วบอกกับผมว่า “ดูดอย่างเดียวนะ” แล้วจิตใจของผมพร้อมทั้งสติก็หลุดลอยไปกับคำพูดนั้นของพี่คริส จนพี่คริสจับหัวผมหัวละออกมาจากแก่นกายของพี่คริสแล้วจูบผม ลิ้นของเราสัมผัสกันต่างจากทุกๆครั้งที่เราจูบกัน ลิ้นของพี่คริสเล่นกับลิ้นของผมและมันรุกกว่ารุนแรงกว่า ดั่งหมาป่าที่กำลังหิวกระหายมือของพี่คริสสอดเข้ามาใต้ข้อพับขาของผมแล้วข้าของผมก็ถูกยกพาดไหล่ของพี่คริสไม่นานเพียงแค่ชั่วอึดใจหนึ่งแก่นกายของพี่คริสก็มาจ่อที่ช่องทางด้านหลังของผม สัมผัสแรกที่ผมได้รับคือ
“อ๊าก… อ่ะ”
“เจ็บหรอครับ งั้นแปปนะครับ” พี่คริสถอนแก่นกายออกจากตัวผม แล้วเดินไปหยิบกล่องถุงยางมาสองกล่อง มันคือกล่องที่ผมซื้อมาด้วยความมึนเมื่อกี้ ตอนนี้ผมรู้สึกโล่งมากหลังจากที่พี่คริสถอนแก่นกายออกไป ความสบายมักอยู่กับเราไม่นานพี่คริสฉีกซองถุงยาง กล่องสีเทาผมคุ้นๆว่า มันคือแบบผิวไม่เรียบ ผมไม่รู้ว่าพี่คริสสวมถุงยางเสร็จตอนไหนแต่ ช่องทางของผมสัมผัสได้ถึงผัมผัสชวนขนหัวลุก ความเจ็บมันลดลงแต่แลกมาด้วยความรู้สึกหนืดๆ หนังอ่อนๆในช่องทางของผมตอบรับกับผิวสัมผัสของถุงยางที่พี่คริสสวมไวมาก ผมรู้สึกเสียวได้ทันทีทั้งๆที่พี่คริสยังไม่ได้ขยับกาย
"ค่อยยังชั่วหน่อยไหม"
"พี่คริส.... อุ๋งเสียว.."
ผมพร่ำเพ้ออะไรของผมไม่รู้ แต่มันคงจะถูกใจของพี่คริส เพราะจบคำสั้นๆคำนั้น พี่คริสก็เริ่มสวนแก่นกายเข้ามาแบบเนื่องๆเนิบๆ ราวกับเพลงที่มีบีทต่ำๆ ฟังสบายๆได้เรื่อยๆ ผมกำลังดื่มด่ำไปกับมัน
"อ๊า...." ผมหลุดครางออกมา มันเป็นความรู้สึกที่แปลกจนหาอะไรมาทดแทนไม่ได้ สัมผัสแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับผมมาก่อน มันเหมือนกับการรวมตัวของ ความฟิน กับ ความใคร่ ยิ่งผมครางพี่คริสยิ่งสวนกายกลับมาหาผมเร็ว ใช่แล้ว..แบบนี้หล่ะ ตอนนี้ผมต้องการพี้คริสมาก
"ตอดเก่งนะเรา" พี่คริส...ผมไม่ได้ตอดพี่นะครับ ร่างกายจองผมมันต้องการพี่เพราะ ร่างกายของผมมันคิดว่า แก่นกายพี่คริสคือสิ่งแปลกปลอม และยังไม่บินกับการเข้าออก ทำให้ช่องทางของผม บีบรัดแก่นกายของพี่คริสทุกครั้งที่พี่คริสถอยแก่นกายออก และนั้นแหละคือจุดที่ทำใฟ้ผมเสียว
"เพราะ.. ผมต้องการพี่ไงครับ" ราวกับเป็นประโยคพิชิตใจผัว พี่คริสจับพลิกท่า ให้ผมนั่งคร่อมทับแก่นกายพี่คริสไว้
"ถ้าต้องการจริงช่วยพี่นะครับ ของขย่มดูนะ" ผมมองพี่คริสจากมุมนี้มัน.. เซ็กซี่มากเลยครับ พี่คริสเอามือมาจับแก้มผมเบาๆ
"ลองดูนะครับ คุณหมอ" ผมลองขยับตัวแนวตั้ง ผมเริ่มมีอาการจุกเล็กน้อย เพราะแก่นกายที่สวนเข้ามาในร่งของผมมันเข้ามาลึกไป ผมไม่ชอบท่านี้ของพี่คริสเลย หลังจากที่ผมขย่มได้สักพัก ฝ่ามืออุ่นของพี่คริสก็มาจับที่แก่นกายของผม จากนั้นแก่นกายของผมก็ถูกรูดช้าๆ ขอให้คำจำกัดความว่า เสียวสองทาง ที่ฐานแก่นกายของผมตอนนี้เริ่มออกอาการแข็งตัวเล็กๆ นี่... ผมจะเสร็จแล้ว
"จะแตกแล้ว... อ๊าาา" สิ้นคำแก่นกายของผมที่ตอนนี้น้ำใสหยาดเยิ้ม จนฉ่ำไปทั้งปลายแก่นกาย ก็เกร็งจนกระตุกเบาๆ พร้อมปล่อยน้ำสีขาวขุ่น ออกมาแต่มันไม่เหมือนกับผมช่วยตัวเอง มันพุ่งออกไปข้างหน้าแทนที่จะหลั่งออกมาที่ฝ่ามือ หน้าท้องไปจนถึงอกของพี่คริส มีน้ำสีขาวของผมเป็นสายตรง
"ไม่ได้ว่าวนานล่ะสิ่" พี่คริสลุกขึ้นมาพร้อมมือจับที่สะโพกของผมเพื่อไม่ให้ แก่นกายหลุดออกจากช่องทางของผม หลังผมเอนราบไปกับที่นอน ตามแรงโน้มถ่วง พี่คริสสวนแก่นกายกลับมาถี่มากจน ผมสัมผัสได้กับของเหลวอุ่นๆ เมื่อพี่คริสถอนแก่นกายออกมาได้สักพัก ผมรู้สึกเหนอะหนะที่ง่ามขาด้านหลัง พี่คริส...สัมผัสมันคล้ายๆกับตอนผมเคยลองช่วยตัวเองจนเปื้อนเชิงกรานแต่ยังไม่ได้เช็ด ผมรู้ได้อีกทีและคำตอบชีดเจนจากพี่คริสคือ
"ขอโทษครับ พี่อยากแตกใน"
"คนบ้า.... " ผมมีแรงพูดได้แค่นั้นจริงๆ และนี่ก็คือ ครั้งแรกของผมกับพี่คริส ผมอยากทำอีกครั้งจัง สารอะดีนารีนของผมถูกปลดปล่อยออกมาจำนวนมาก และ... ผมก็หลับไปในที่สุด
## NC ##
BTS - [_____] [ V x TaeHyung x Kook ] Part 11
หลังจากที่เซฮุนและจองกุกกลับมาจาก ตลาดพร้อมกับทำอะไรกินในครัวอันแสนเพียบพร้อมของจองกุก จนทั้งสองช่วยกันล้างจานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มานั่งเล่นนอนเล่นอยู่ที่ห้องนอน หัวของเซฮุนหนุนอยู่บนท้องของจองกุกอ่านหนังสือการ์ตูน ส่วนจองกุกกำลังนอนพิงหมอนเล่นคุกกี้รันอยู่ในโทรศัพท์ แต่พอห้องเริ่มเงียบจองกุกก็เปิดประเด็นหาเรื่องมาคุย
“พี่ฮุนมีจักรยานด้วยหรอครับ”
“มีสิ่คันนั้นแหละ พี่ซื้อตอนมาอยู่ไทยช่วงแรกๆ ทำไมหรอ”
“ผมไม่นึกว่าพี่จะมีจักรยานหนิ่ นึกว่ามีแต่มอร์ไซ”
“มอร์ไซน่ะ พี่เพิ่งเก็บเงินซื้อ เพิ่งถอดป้ายแดงเมื่อเดือนที่แล้วเอง เฮ้ย” จองกุกที่ฟังๆ เซฮุนพูดเรื่องที่เขาถาม แต่กำลังจบประโยค หัวของเซฮุนก็ตกลงบนเตียงเพราะจองกุกลุกออกมากระทันหัน
“พี่ฮุนผมขอโทษ”
“จะลุกทำไมไม่บอกหืม...” เซฮุนลุกขึ้นมาหาจองกุกแต่แน่นอนว่าจองกุกไม่ยอมอยู่เฉยๆให้เซฮุนที่กำลังทำหน้าเจ้าเลห์แกมหื่นมาหาเขาแน่ๆ
“พี่ฮุน อย่ามาทำหน้าหื่นใส่นะ” จองกุกตอนนี้ถอยมาที่หัวเตียง ทันทีที่มือข้างขวาของเขาคว้าหมอนที่อยู่บนเตียงได้ เป็นจังหวะเดียวกับที่เซฮุนมาประชันชิดเขาพอดี จองกุกก็ฟาดหมอไปที่แขนของเซฮุนเต็มแรง จนเซฮุนแอบเซเบาๆ
“ฤทธิ์เยอะนะเรา”
“แบร่ก็ผมยังเด็กไง”
“ว่าพี่แก่หรอ”
“เปล่าน๊าครับ อ่ะ พี่ฮุน ห้าๆๆๆ” จองกุกที่กำลังเล่นคำกับเซฮุน จนลืมมองว่าเซฮุนเดินเข้ามาช้อนตัวเขาตอนไหนไม่รู้ แล้วโยนเขาลงเตียง เซฮุนคร่อมจองกุกไว้ไม่ให้หนีไปไหน แล้วเอามือทั้งสองข้างมาจี้ที่เอวของจองกุก จนอีกคนหัวเราะจนหน้าแดงในที่สุดจองกุกก็ยอมแพ้
“คนบ้า… ผมเหนื่อยนะ”
“แกล้งพี่ก่อนหนิ่ จะว่าไปเอวจองกุกก็นิ่มดีนะ” แล้วทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆเป็นคู่รักคู่นึงที่บางคนมองว่า น่าอิจฉากว่าคู่ ชายหญิงธรรมดา และแน่นอนว่าทั้งคู่ก็ไม่พ้นสายตาของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “สาววาย” ไปตลอด ที่ยังเรียนอยู่ที่นี่...
ณ ประเทศเกาหลี วีรภาพยังคงวุ่นกับการหารถเพื่อจะไปตามหา คนที่เป็นทั้งแฟนและน้องชายฝาแฝดของเขา
“คุณหนูวีหาอะไรหรอคะสีหน้าดูเครียดๆนะคะ”
“แม่เอารถไปหมดแต่วันนี้ผมต้องใช้รถ”
“แล้วทำไมคุณหนูไม่ไปเช่ารถล่ะคะ”
“..... ขอบใจมากนะ” เมื่อวีได้คำตอบแล้วก็รีบออกจากบ้านไปเรียกแท็กซี่เพื่อไปยัง ศูนย์เช่ารถและท้ายที่สุดเงินก็หาทางออกให้เขาได้ วีก็ขับรถออกจากศูนย์ให้เช่ารถแห่งนั้น แล้วขับไปยังที่ที่เขาคิดว่าแทฮยองจะไป
กลับกันที่โรงพยาบาล คยองซูเดินมาที่ห้องดับจิตที่ข้างในห้องนั้น แทฮยองตัวซีดจนแทบจะกลมกลืนไปกับ อาจารย์ใหญ่ภายในห้องเมื่อคยองซูเดินเข้าไป ก็พบว่าแทฮยองนอนสลบอยู่บนเก้าอี้เขาจึง เดินเข้าไปเข็นรถเข็นของแทฮยองออกมาจากห้องดับจิต แล้วตรงไปยังห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาลที่ชั้นบน แต่เมื่อไปถึงแทที่แทฮยองจะได้รับอิสระ นอนบนเตียงสบายๆ เขาคงได้แค่มโนเท่านั้น คยองซูรู้ดีว่าปาร์คชานยอลต้องการแบบไหน เขาจึงให้บุรุษพยาบาลมาช่วยเขายกแทฮยองขึ้นเตียงแล้วผูกเขาไว้กับเตียง ราวกับคนป่วยในสถานจิตเวชที่มีอาการคุ้มคลั่ง
“หมอครับทำไมต้องมัดเขาด้วยครับ”
“อ่อ คนป่วยคนนี้รถชนแล้วมีอาการทางจิตน่ะ”
“แต่ทำไมไม่เห็นมีแผลหรืออะไรเลยล่ะครับ”
“นายอย่าลืมว่ารถเดี๋ยวนี้มีถุงลม แล้วที่นายคนนี้ป่วยทางจิตเพราะ คนที่นั่งมาด้วยน่ะ ตายต่อหน้าเขา จบนะ”
“ครับๆ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ไปไหนก็ไปเถอะ วันนี้โรงพยาบาลเราคนไข้เยอะ เดี๋ยวผมจัดการเอง” คยองซูหยิบสายยางพลาสติกใสพร้อมอุปกรณ์เป็นกระบอกคล้ายๆกระฉีดยาติดอีกฝากตรงปลายสาย คยองซูเอาสายข้างที่ไม่มีอะไรติดอยู่สอดเข้าทางจมูกของแทฮยอง และหลังจากที่ทำการตรวจอุปกรณ์เรียบร้อยแล้วเขาก็เรียกให้พยาบาลเอาอาหาร มาให้แทฮยองกินผ่านทางสายยางนี้ เพราะเขารู้ดีว่าถ้าให้คนตรงหน้าเขากินเองมีสิทธิที่จะหนีและคนที่จะซวยก็คือเขาเป็นแน่แท้ การให้อาหารผ่านทางสายยางคือวิธีที่ดีที่สุดแล้ว เมื่ออะไรเสร็จเรียบร้อย ตามสไลต์โรงพยาบาลใครจะเป็นอะไรมาน้ำเกลือต้องมี หลังจากที่คยองซูวางยาสลบอ่อนๆให้แทฮยอง เขาก็โทรรายงาน ปาร์คชานยอล
“ครับ รุ่นพี่ เอาออกมาแล้วตอนนี้ไม่ไข้อ่อนๆครับ”
“ได้ครับๆ เดี๋ยวผมไปนะครับ” ตอนนี้เป็นเวลาที่คยองซูออกเวรพอดี คยองซูเดินไปที่ห้องทำงานของปาร์คชานยอลในโรงพยาบาล แล้วเอาเสื้อกราวน์สีขาวสะอาดแขวนไว้ที่แขวนเสื้อหน้าห้อง แล้วหยิบกระเป๋าของเขาขึ้นมาสะพายแล้วออกจากโรงพยาบาล ไปหาชานยอลตามที่เขานัดไว้ในโทรศัพท์เมื่อสักครู่
ณ ห้างสรรพสินค้าที่ชานยอลทำงาน ชานยอลกำลังคุมงานเกี่ยวกับการปรับปรุงพื้นผิวถนนในลานจอดรถ
“ไม่ๆ ผมบอกว่าที่ตรงนั้นน่ะ เปลี่ยนเป็นโซน VIP สีที่ตีเส้นใช้สีฟ้า ไม่ใช้ ทาสีซองเป็นสีฟ้า”
“ครับๆ แล้วพื้นผิว”
“ตามที่เราเคยรับเหมากันไว้นะครับ พื้นเป็นปูนขัดเงาในช่องเมน แต่ช่องที่เป็นซอย เป็นพื้นราดยาง”
“ครับ แล้วผมจะส่งราคาประเมิณมาให้นะครับ” ชานยอลเดินกลับจากลานจอดรถมายังห้องทำงานของเขา ที่ตอนนี้คยองซูนั่งรออยู่ในห้อง เมื่อชานยอลเข้ามา มือของเขาก็ยีผมของคยองซูเบาๆแล้วเดินมานั่งในฝั่งของเขา
“นายจะกินอะไรไหมคยอง”
“อ่ายังไม่ดีกว่าครับ”
“งั้นผมเข้าเรื่องเลยนะ นายรู้ใช่ไหมว่าผมมีแฟนแล้ว และแต่งงานแล้ว”
“รู้ครับ”
“ผมรู้นะว่านายชอบผม แต่ผมไม่รู้ว่าผมจะชอบนายได้ไหม พยายามต่อไปนะ” ชานยอลเดินมาหยิบกระเป๋าของคยองซู ขึ้นมาสะพาย แล้วเตรียมออกจากห้อง
“จะมาทำงานที่นี่แทนผมหรอ คยองซู ไปหาไรกินกัน” เมื่อชานยอลพูดจบประโยคคยองซูก็เดินตามร่างสูงของชานยอลไปทันที
หลังจากที่ชานยอลเลี้ยงข้าวคยองซูก็แยกย้ายกันกลับบ้าน แน่นอนตอนนี้ใครหลายๆคนอาจจะมองว่าชานยอลมีตังเข้าขั้นเรียกว่ารวยได้เลย เป็นทั้งนายแพทย์คนเก่งของโรงพยาบาล ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลค้ำคอ แถมยังเป็น ผู้จัดการห้างสรรพสินค้าดังควบกับตำแหน่งรองผู้บริหาร ในเวลาเดียวกัน แต่จะมีใครสักกี่คนที่รู้ว่า เบื่อหลังและด้านในลึกๆของชานยอลเป็นยังไง ชานยอลอดไม่ได้ที่จะกลับไปยังห้องทำงานของคริสที่ห้าง เขานั่งอยู่ในห้องนั้นเป็นเวลานานจนเผลอหลับไปบนโต๊ะทำงานของคริส ในฝันของเขาในตอนนั้นชานยอลได้ฝันว่า
“ชานยอล ตื่นได้แล้วนอนตรงนี้เมื่อยนะ”
“งื้อ... พี่คริส” ชานยอลงัวเงียตื่นขึ้นมา เขาจำได้ดีว่าเสียงที่เขาคุ้นเคยเป็นเสียงที่ปลุกเขาทุกๆวันเมื่อก่อนนี้
“เราทำกับแฟนลูกแรงไปไหม”
“ไม่แรงหรอกครับ จะได้จำว่าลูกใครๆก็รัก”
“หวงขนาดนี้ พี่ว่าพี่ต้องไปดูแลลูกแล้วล่ะมั้ง พี่รู้นะว่าเรารู้สึกดีกับคยองซู”
“ผมไม่อยากผิดสัญญากับพี่หนิ่ครับ” ชานยอลเอาหน้าฟุบลงกับโต๊ะ หลังจากที่คริสเห็นก็เอามือมาลูบผมของชานยอลเบาๆ
“เราไม่ได้ผิดสัญญาหรอก เราน่ะทำได้ดีมาตลอดเลยนะ คยองซูน่ะรักนายจริงๆนะ อยู่กับคนที่ไม่รักจริงๆอยู่ทำไม อยู่กับคนที่รักเราดีกว่านะ พี่ไม่ว่าเราหรอก” คริสดินเข้ามากอดชานยอลเอาไว้
“พี่คริสผมขอโทษนะครับ”
“ครับพี่ไม่ว่าอะไรเราหรอก พี่ไปแล้วนะหมดเวลาพี่แล้ว”
“พี่อย่าเพิ่งไปสิ่ครับ” ร่างของคริสค่อยๆจางหายไปในอ้อมกอดของชานยอล และแน่นอนว่าคนที่เรารักกำลังจะจากไป มีใครบ้างจะไม่รั้งไว้ ชานยองพยายามคว้าคริสแต่ มันกลับเป้นอาศธาตุให้เขาได้สัมผัส จนคริสหายลับตาไป
หลับมาที่โลกความจริง ชานยอลกำลังละเมออยู่บนโต๊ะทำงานของคริส
“ไม่พี่คริส ไม่พี่อย่าเพิ่งไป” ’ตึง’ เสียงดังทุ้มพร้อมกับแรงสะเทือนเล็กน้อยเกิดจาก การที่ชานยอลลื่นตกเก้าอี้เพราะว่าฝันจนละเมอ ฝันที่เหมือนจริง แล้วกระดาษโน้ตเล้กๆใบหนึ่งก็ตกลงมาจากลิ้นชักโต๊ะทำงานของคริสมีเนื้อความว่า “ชานยอลพี่เพิ่งรู้ว่าพี่อยู่กับเราได้อีกไม่นานเท่าไหร่ ขอบคุณนะที่ตั้งใจเรียนหมอเพื่อพี่ แต่ถ้าหากว่าวันไหนพี่ไม่อยู่แล้วชานยอลของพี่ทำใจได้ยอมรับและกล้าเปิดใจให้คนอื่นเมื่อไหร่ ขอแค่คนๆนั้นรักเรามากอย่างที่พี่รัก พี่ก็จะยอม ขอให้นายมีชีวิตต่อไป” เมื่อชานยอลอ่านจบแล้วน้ำตาของชานยอลก็ไหลออกมาโดยอัตโนมัติ ในความคิดของชานยอลคงคิดว่าอะไรหลายๆอย่างมันจะบังเอิญไปไหม แต่ห้องนี้คนที่จะเข้าได้ก็มีเพียงแค่เขากับแม่ของคริวเท่านั้น ทำไมโชคชะตาต้องกลั่นแกล้งเขาด้วย...
BTS - [_____] [ V x TaeHyung x Kook ] Part 10
ขณะที่กลุ่มของชานยอลกำลังสังสรรค์กันตามภาษาของ คนทำงานด้วยกันแล้วไม่ได้เจอกันนาน ทิ้งไว้แทฮยองอยู่ในห้องดับจิต หลังจากที่แทฮยองกลัวสุดขีดจนเกิดอาการช็อกและสลบไปจนมาได้สติอีกทีตอนราวๆ ตีสามแทฮยองพยายามขยับข้อมือให้เชือกที่ผู้มือเขาไว้หลวมที่สุด แต่ความแน่นของเชือกก็ไม่ลดลงเลยเพราะ พยาบาลที่นี่ผ่านการฝึกมาอย่างดีเกี่ยวกับการจัดการคนไข้ที่มีอาการคลุ้มคลั่ง
“โถ่เว้ย!! ไมไม่หลวมเลยวะ”
‘ตึ่ง’
“...” ทันทีที่มีเสียงเหมือนมีคนทุบอะไรสักอย่างที่เป็นโลหะแข็งระดับหนึ่ง ทำให้แทฮยองมองไปรอบๆ ภายในห้องที่มืดเกือบสนิท เขาพบว่าเตียงให้ห้องนี้ล้วนแต่เป็นเตียงเข็นทำจากโลหะ และเตียงที่อยู่ข้างๆเขาเพียงแค่เอื้อมแขน มีขาของคนที่อยู่บนเตียงห้อยลงอมาอยู่ข้างหนึ่ง เลยทำให้แทฮยองได้แต่เงียบเพราะกลัวจนไม่กล้าพูดอะไรจนเช้า
“นักศึกษาต้องไม่ลืมว่า คนที่อยู่ในห้องนี้เป็นอาจารย์ของเรา เราต้องให้เตียงเขาและที่สำคัญ อาจารย์เราไม่ได้มีมากมาย เราต้องเรียนและใช้ทรัพยากรณ์อย่างมีคุณค่า เพื่ออาจารย์ใหญ่ที่บริจาคร่างมาจะได้สบายใจ เข้าใจนะคะ นักศึกษา”
“ค่ะ/ครับ” เสียงค่อนข้างดังพอสมควรแต่ไม่มาถึงขึ้นรบกวนคนอื่นๆเท่าไหร่ ดังขึ้นอยู่หน้าห้องทำให้เขาพอมีความหวังว่า จะได้ออกจากที่นี่แล้วแน่แท้
“ขอโทษครับ ห้องนี้ ผอ.สั่งห้ามใช้ชั่วคราวครับ”
“ทำไมไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าคะ ว่าห้องนี้ใช้ไม่ได้การเดินทาง จากมหาลัยมานี่มันมีค่าใช้จ่ายนะคะคุณ”
“ห้องนี้ใช้ไม่ได้ แต่อีกตึกใช้ได้ครับ ผอ.”
“ค่ะ ทีหลังอย่าให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีกนะคะ” ทีมอาจารย์และนักศึกษาเดินจากออกไป แทฮยองที่นั่งฟังอยู่ในห้องใจสลายลงในทันที เขาต้องอยู่กับศพในห้องนี้ไปอีกนานแค่ไหนยังไม่มีใครรู้
ที่ประเทศไทย จองกุกนอนหนุนตักของเซฮุนอยู่บนเตียงกว้างที่ห้องของเซฮุน
“อันนี้แปลว่าอะไรอ่ะพี่ฮุน”
“ประโยคนี้แปลว่า นอมูโพโกชิพอโย ”
“ผมอยู่นี่ไงจะคิดถึงไมล่ะ”
“ก็มันแปลว่าคิดถึงหนิ่ครับ”
“หอมแก้มผมอีกแล้วนะ” จองกุกหันหน้าหนีอีกคนเพราะความเขิน ตั้งแต่คบกับเซฮุนเขาก็เริ่มที่จะทำใจเรื่องแทฮยองได้ ถึงบางครั้งเขาจะมองเซฮุนป็นแทฮยองไปบ้างก็ตาม
“อ่าใช่วันนี้เหมือนมีของมาส่งห้องเราน่ะ พี่ยังไม่ได้ไปเอาเลยลงไปเอากันไหม”
“ไปครับแล้วไปหาอะไรกินกันด้วยเลยผมหิวแล้ว” พูดจบจองกุกก็เดินไปหยิบเสื้อเชิ้ตมาคลุม แล้วเดินตามเซฮุนออกจากห้องไปยัง ห้องจดหมายของคอนโด
“มันคืออะไรอ่ะทำไมใหญ่จัง”
“จักรยานน่ะครับผมให้พ่อส่งมา”
“ซื้อใหม่ก็ได้หนิ่ ไม่เห็นต้องส่งเลย” เซฮุนนั่งคุยกับจองกุกขณะช่วยจองกุกปะรกอบจักรยานเสือหมอบอยู่
“ก็คันนี้ เราคาเท่ามอไซด์พี่ฮุนอ่ะครับ”
“สองแสนเลยหรอ ทำไมไม่ซื้อมอไซด์เลยล่ะ”
“พ่อไม่ให้อ่ะครับบอกว่าเปลือง”
“อ่าครับๆ งี้เราก็ไม่ซ้อนท้ายพี่ละสิ่”
“ซ้อนสิ่ครับ นั่งกอดพี่ฮุนอุ่นจะตายไป เสร็จละครับไปกัน”
“งั้นรอพี่แปปนะครับ” เซฮุนวิ่งหายไปที่ลิฟต์ ผ่านไปราวๆ เกือบครึ่งชั่วโมงเซฮุนก็ลงมาพร้อมจักรยานหมอบแฮนตรง
“ไปกันครับที่รัก” เซฮุนและจองกุกก็ปั่นจักรยานออกจากคอนโด หลังจากที่จองกุกมาอยู่ได้ไม่นานขำก็เริ่มรู้จักกับตลาดต่างๆ แถวๆ นั้นพอสมควร จักรยานของเซฮุนและจองกุก จอดอิงกับราวเหล็กขนาบกันและคล้องด้วยตัวล็อกอันเดียวกัน เดินดับมือกันในตลาดไปเรื่อยๆจนกลับมาที่เขาจอดรถจักรยานไว้
“พี่ฮุนครับ”
“หืมครับ ... “ เมื่อเซฮุนหันมาหาจองกุกหลังปลดล็อกจักรยานแล้ว จองกุกที่สูงไล่ๆเซฮุนก็ขยับตัวเข้ามาใกล้พร้อมเขย่งตัวให้สูงขึ้นเล็กน้อยแล้วจุ้บที่ริมฝีปากของเซฮุน
“รักพี่นะครับ” จองกุกก็ปั่นจักรยานออกไปทิ้งเซฮุนให้ยืนงง อยู่สักพักแล้วค่อยปั่นจักรยานตามจองกุกไปเมื่อได้สติแล้ว ทั้งคู่ก็ยังคงมีความสุขตามคนรักกันใหม่ๆ แต่แทฮยองตอนนี้ยังคงอยู่ในห้องดับจิต แอร์เย็นๆทำให้เขาเริ่มหนาวจนตัวเริ่มสั่นและเหมือนมีไข้อ่อนๆ
“ผอ.ครับ นายคนนั้นไม่ไข้ขึ้นแล้วหรอครับ”
“งั้นไปเอาออกมานะ ห้องไหนว่างๆก็เอาไปไว้ คงเข็ดละล่ะ” ชานยอลกำลังนั่งเคลียร์งานเอกสารของห้างที่เขาทำงานอยู่ในห้องทำงานของตัวเองในโรงพยาบาลนี้ วันนี้ชานยอลมาทำงานด้วยชุดเสื้อชิ้ตกางเกงยีนส์ ยกเว้นแต่ว่าวันนี้งานที่ห้างเยอะมากจนเขาไม่สามารถไปออกตรวจได้เหมือนเคย จนต้องให้หมอที่เป็นผู้ช่วยเขามาช่วยเคลียร์งานทางโรงพยาบาลบ้าง และหมอคนนี้ก็ได้ช่วยเขาจัดการเรื่องแทฮยองเมื่อคืนนี้
“อ่าใช่ คยองซูนายใกล้ใช้ทุนหมดยัง”
“ก็ใกล้แล้วครับ ผอ.ถามทำไมหรอครับ”
“ผมจะให้ นายมาเป็นผู้ช่วยผมจริงๆ ตำแหน่งรองผู้อำนวยการยังว่าง อย่าลืมล่ะเอาออกมาแล้วผูกมือผูกขาต่อท่อด้วยเดี๋ยวผมกลับมา” ชานยอลตบบ่าอีกคนเชิงให้กำลังใจแล้วเดินออกจากโรงพยาบาลกลับไปที่ห้างที่เขาทำงาน
“ผอ. ต้องเหนื่อยมาแน่เลยอ่ะจงอิน ทำงานตั้งสองที่พร้อมกัน”
“ถามจริงๆนะคยองซู นายชอบ ผอ. หรอ”
“ก็ชอบนะ.. ถึงจะโหดแต่ทำไปก็เพราะว่า ผอ.รักลูกเขาหนิ่”
‘ขอเชิญนายแพทย์คยองซูที่ห้องการเงินตึก B ด้วยค่ะ’
“ไปก่อนนะจงอินเดี๋ยวเจอกัน”
ทุกคนใช้ชีวิตปกติหมดทุกคนจริงๆยกเว้น แทฮยอง และ วี ถามถึงวี เขาพยายามโทรหาแทฮยองตั้งแต่ 4 ทุ่มของเมื่อวานแล้ว แต่ก็ไม่มีคนรับมันทำให้เขาหัวเสียเบาๆ แต่เขาก็เพิ่งมาสังเกตเห็นความสะเพร่าของตัวเอง โทรศัพท์ที่เขาถืออยู่คือของแทฮยองที่เขาจงใจซื้อให้มันเหมือนกับของแทฮยอง นั้นคือเขาโทรเข้าหาตัวเองก็ตอนเช้า
“เจ้าวี แกจะไปไหนแต่เช้า”
“ไปหาแทฮยองครับ”
“พอหยุด วันนี้รถไม่ว่างแกหาทางไปเองนะ”
“มะ..แม่..” วียังไม่ทันได้ถามเหตุผลว่าทำไมรถไม่ว่าง ซานดาร่าก็เดินออกจากบ้านไปพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ 3 ใบโดยมีคนใช้ถือให้ แต่เมื่อตามออกมาก็พบว่ารถทุกคันในบ้านตั้งขบวนอยู่หน้าบ้าน และซาดาร่าใช้รถของเขา ตอนนี้โรงจอดรถของบ้านคงมีเพียงแค่จักรยานแม่บ้านของคนใช้เท่านั้นแหละหนา วีจึงต้องรีบหาทางในการไปตามหาแทฮยองให้เร็วที่สุด
BTS - [_____] [ V x TaeHyung x Kook ] Part 9 Special
ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกเปิดแทฮยองเปิดออกทันทีหลังจากทีชานยอลเดินห่างออกไปสักพัก กระดาษสีขาวที่เขียนหัวกระดาษว่า “ใบมรณะบัตร” แทฮยองเริ่มช็อกอีกครั้งเพราะชื่อบนใบมรณะบัตรชื่อว่า ปาร์คจองกุก จองกุก ตายแล้ว แทฮยองทรุดลงขาทั้งสองข้างหมดแรงที่จะยืนต่อไป
ด้านของชานยอล หลังจากที่พบกับแทฮยองเสร้จเรียบร้อยแล้วก็กลับมายังบ้านตระกูลอู๋ แต่เขาเข้าบ้านมาแล้วยังไม่ทันได้จอดจักรยาน คนใช้ในบ้านก็วิ่งเข้ามาหาเขา
“คุณชานยอลคะ”
“ครับ มีอะไรคุณมินยอง หน้าตาตื่นมาเชียว”
“เข้าไปดูเองเถอะค่า… มินยองเหนื่อยค่า..”
“งั้นฝากเก็บจักรยานด้วยนะ” ชานยอลได้ลงจากจักรยานแล้วฝากให้คนที่มาตามเขาเอาไปเก็บ ส่วนตัวเขาก็วิ่งเข้าไปยังในบ้านอย่างรีบ
“สบายดีไหมชานยอล พี่กลับมาหาเราแล้วนะ”
“...” หากเมื่อชานยอลเข้ามาในบ้านก็พบกับ คนที่เขาและทุกๆคนไม่คิดว่าจะเจอแล้ว
“เฮ้ย ด็อบบี้ของพี่อย่าเงียบดิ่” คนตัวสูงกว่าเดินเข้ามาหาชานยอลที่กำลังยืนช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยุ่
“พี่คริส...” ชานยอลถอยห่างจากอีกคน จากสัญชาตยานความกลัว และตกใจกับคนตรงหน้า ขาเริ่มสั่นและอ่อนแรงทำให้ชานยอลล้มลงไปกับพื้น แต่แขนของร่างสูงมารับตัวเขาไว้ได้ก่อน
“ไปไทยกันไหม ไปหาลูกของเรา”
“พี่ตายไปแล้ว แล้วทำไมพี่มาให้ผมเห็นได้”
“พี่ยังไม่ตายครับ คนอย่างอู๋อี้ฟาน ตายได้ก็ฟื้นได้ครับถ้ามีชานยอล”
“.. จริงหรอครับ ”
“ป่ะเราไปหาลูกกัน” คริสช้อนตัวของชานยอลขึ้นมาอย่างช้าๆ เมื่อคริสยืนเต็มความสูงของเขาแล้วก็ค่อยๆ เดินช้าๆพร้อมกับร่างของเขาและชานยอลค่อยๆเลือนไป และมาปรากฏกายอีกครั้งที่โซนห้องครัวในคอนโดของ จองกุก แน่นนอนว่า ตอนนี้ยังเป็นตอนเย็นจองกุกคงยังไม่ได้กลับมาที่ห้อง แต่ทันทีที่มาถึงชานก็ก็ตั้งคำถามใส่คริสทันที
“พี่เล่ามาเลยนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“พี่… พี่เพิ่งกลับมาจาก EXO Planet ”
“ทำไมต้องตายด้วย ถึงขั้นให้แม่ตั้งหลุมศพเลยนะ”
“ก็คนเราอ่ะ ตายไปก็ต้องมีใบมรณะบัตรสิ่ แต่พี่อยากอยู่กับเราไปนานๆไง เลยไม่อยากเป็นคนแล้ว”
“คนบ้า ดูหนังมากไปป่ะ เรื่อง Who you came from the star น่ะ”
“โอ๊ย!!!! พี่เจ็บๆๆๆ” ชานยอลเอามือไปบิดหูของคริสอย่างเต็มแรง ขณะที่จองกุกมาถึงหน้าห้องและกำลังจะเปิดประตู ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่คริสกำลังร้องโอดโอยอยู่ในห้อง ทำให้จองกุกคิดว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับห้องเขาแน่ๆ จึงตาม รปภ มา
“ถ้าคิดว่าพี่อินหนัง แล้วเราสองคนมานี่ได้ไง ห๊ะ”
“กะก็…. พี่แอบมาทำให้ใหม่ไง”
“ห้องใหม่หรอ ห้องใหม่แต่อากาศร้อน เหมือนมันไม่ใช่เกาหลีเนี่ยนะ”
“อั่ก ผมเจ็บ” ‘ตึง’ เสียงอุทานของชานยอลมาพร้อมกับเสียงของศรีษะชานยอลที่ชนกับกระจกกันห้องกับระเบียง ที่มาจากคริสผลักหัวของชานยอล
“คุณคือใคร มาห้องผมทำไม”
“.... / พะ พ่อเอง” ชานยอลเอามือลูบหัวตัวเองตรงจุดที่ชนกับกระจก แล้วเดินมาหาจองกุก
“พ่อมาตอนไหน เมื่อกี้พ่อยังอยู่เกาหลีอยู่เลย แล้วข้างพ่อนี่ใคร ไม่มีอะไรแล้วครับขอบคุณนะครับที่ขึ้นมา” จองกุกหันไปขอบคุณกับ รปภ ที่เขาตามขึ้นมาดูเผื่อห้องของเขาโดนโจรกรรม แล้วกลับมาทำการสอบสวนพ่อของเขาต่อ
“อ่า…. เรื่องมันยาว เอาเป็นว่า จริงๆแล้วคนๆนี้คือพ่อของลูกนะ”
“ทำไมไม่บอกพี่เลยว่าลูกเราจะน่ารักขนาดนี้ ห๊ะชานยอล”
“...” ตอนนี้จองกุก เรียกภาษาไทยๆบ้านๆได้เลยว่า เงิบแดก เป็นที่เรียยบร้อยแล้ว… พ่อเขาเป็นผู้ชาย ส่วนแม่เขาก็ผู้ชาย… คนที่เขาเรียกว่าพ่อมาตลอดกลับกลายเป็นแม่ของเขา เรื่องราวที่จองกุกไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นตอนนี้ มันเกิดขึ้นแล้วชีวิตยิ่งกว่านิยาย
“ลูก!!! ” คริสและชานยอลประสานเสียงเรียกพร้อมกันทันทีเมื่อเห็นจองกุกเป็นลมล้มพับ ไปต่อหน้าเขา
เอาแหละน๊านี่แหละ นิยายชีวิตคนเราเอาแน่นเอานอนได้ที่ไหน
BTS - [_____] [ V x TaeHyung x Kook ] Part 9
ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกเปิดแทฮยองเปิดออกทันทีหลังจากทีชานยอลเดินห่างออกไปสักพัก กระดาษสีขาวที่เขียนหัวกระดาษว่า “ใบมรณะบัตร” แทฮยองเริ่มช็อกอีกครั้งเพราะชื่อบนใบมรณะบัตรชื่อว่า ปาร์คจองกุก จองกุก ตายแล้ว แทฮยองทรุดลงขาทั้งสองข้างหมดแรงที่จะยืนต่อไป ซองกระดาษสีน้ำตาลหลุดจากมือปลิวไปตามกระแสลม เป็นเวลานานที่แทอยองนั่งอยุ่ตรงนั้น จนชานยอลกลับมา
“เสียใจมากนักหรอ”
“..”
“ผมขอถามอะไรคุณอย่างนึงนะ คุณรักลูกผมจริงไหม ถ้าจริงคุณต้องวิ่งตามผมให้ทัน เพราะผมจะให้โอกาสคุณ แค่ครั้งเดียว” วี ที่ได้ยินแบบนี้ทำให้เขาสับสนอีกครั้ง ให้โอกาสเขาหรอ มันคืออะไร แต่ถ้าชานยอลให้โอกาสเขา ทำไมเขาต้องเลืกที่จะปฏิเสธ แทฮยองยืนเต็มความสูงของเขา
“ครับ” ทันทีที่แทฮยองขานรับอีกคน ชานยอลก็ปั่นจักรยานออกไปทันที และเมื่อแทฮยองตั้งสติได้ก็วิ่งตามชานยอลไปทันที เหมือนแต่ชานยอลจะไม่ได้สนใจกับแทฮยองเขาปั่นด้วยความเร็วปกติ แต่เสือหมอบ กับ เท้าของคนเรา ความเร็วนั้นต่างกันพอสมควร แทฮยองที่วิ่งมาเริ่มอ่อนล้า เหมือนโชคจะช่วยเขาชานยอลจอดจักรยานรอสัญญาณไฟเขียวอยู่ แต่ก็ไม่ทั้งหมดเมื่อชานยอลกำลังจะออกตัวก็เหมือนมีรถมาชนชาลยอล
ณ โรงพยาบาลห้องฉุกเฉิน
“เล่นละครให้ดีล่ะครับหมอ ไม่งั้นผมจะถอนใบประกอบโรคศิลป์คุณ”
“ได้ครับๆ ผอ. ผมแนะนำให้คุณนอนดีๆนะครับ ที่เหลือผมจะจัดการเอง” ไม่นานสายไฟเส้นเล็กๆพร้อมอุปกรณ์การแพทย์ ก็ถูกนำมาติดไว้กับชานยอลเหมือนกันคนไข้โดนรถชนทั่วๆไป และชานยอลก็นอนหลับไปเพราะความเพลียจากการแสดงละครเล็กๆน้อยๆของเขา แพทย์อยู่จัดการอุปกณ์พร้อมพยาบาลก็ได้เดินออกไปจากห้อง
“หมอครับ คุณปาร์คเป็นไงบ้างครับ” แทฮยองเดินเข้ามาหาแพทย์พร้อมคำถามทั่วๆไปที่หลายๆคนทำอย่างรีบร้อน
“คุณชานยอล ตอนนี้อาการยังไม่คงตัวเนื่องจากโดนรถใหญ่ชนทำให้ อวัยวะภายในบอบช้ำมาก ทำให้ไม่สามารถขยับตัวคนไข้เพื่อทำ การเอ็กสเรย์ได้ แล้วผมแนะนำให้ญาติคนไข้ทำใจนะครับ” เมื่อแพทย์กล่าวจบก็เดินจากแทฮยองไปยังห้องตรวจอื่น
หลังจากที่แทฮยองนั่งสิ้นหลังอยู่หน้าห้องฉุกเฉินเป็นระยะเวลาพอสมควร พยาบาลก็ได้เดินเข้ามาที่โถงห้องฉุกเฉิน
“ญาติของคุณปาร์คชานยอลค่ะ”
“ผมครับ”
“ตอนนี้ ย้ายคนไข้ไปที่ห้องพิเศษแล้วนะคะ ห้อง 2301 ขึ้นลิฟต์ทางนี้นะคะ”
“อ่า ขอบคุณครับ” แทฮยองโค้งให้กับพยาบาล แล้วเดินไปยังโถงลิฟต์ของโรงพยาบาล เมื่อลิฟต์มาถึงเตียงเข็นของโรงพยาบาลก็ถูกเข็นสวนออกมาพร้อมรับผ้าคลุมถึงหัว แน่นอนว่าเป็นภาพชวนขนหัวลุกของใครหลายๆคน แต่การตายเป็นเรื่องธรรมชาติของโลกใบนี้
“เชิญครับ” สิ้นเสียงของ บุรุาพยาบาลที่เข็นเตียงนั้นออกจากลิฟต์เสร็จแทฮยองก็เดินกล้าๆกลัวๆเข้าลิฟต์แล้วกดไปที่ชั้น 23 ทันที
“เดี๋ยวพ่อหนุ่ม รอยายหน่อย”
“ขอบใจนะพ่อหนุ่ม กดชั้น 19 ให้ยายหน่อย”
“ครับ” หลังจากที่แทฮยองกดลิฟต์ให้หญิงชราแล้ว บรรยากาศในลิฟต์ก็เงียบลงในทันใด มีเพียงแค่เสียงพัดลมระบายอากาศภายในลิฟต์เท่านั้น
“พ่อหนุ่มรู้อะไรไหม”
“ครับ”
“คนเราน่ะ เกิดมาแล้ว ก็ต้องตาย แต่จะตายยังไง มันขึ้นอยู่กับตัวเรา”
“ยังไงครับ”
“ถ้าเราดูแลตัวเองดีไม่ไปเบียดเบียนระไร พระเจ้าจะมอบพรการตายกับแบบเราไม่ทรมาน แต่หากเราทำผิด เราก็จะตายอย่างทรมาน และในวันพิพากษาเราจะถูกโยนทิ้งลงใน กองไฟกำมะถัน”
“..” ลิฟต์ยังคงวิ่งไต่ขึ้นไปสวนกับแรงโถ้มถ่วง จนตอนนี้มกล้ถึงชั้น 19 แล้วแต่ คำพูดของยายก็ทำให้แทฮยองสะดุดใจไม่น้อย และสติกลับมาอีกครั้งเมื่อเขารู้สึกเจ็บที่แขน
“ยายทำอะไรครับ”
“อ่า ถึงพอดีเลย มันคือเวรกรรมของหนูไง” ตอนนี้แทฮยองเริ่มเสียการทรงตัวเล็กน้อย ยาสลบความเข้มข้นสูง ถูกฉีดเข้าไปในร่างกายของแทฮยอง อีกเพียง 4 ชั้น
ด้านของชานยอล
“ตอนนี้ พยาบาลคิม ฉีดยาใส่ แทฮยองเสร็จแล้วค่ะ”
“โอเคครับ ขอโทษนะครับที่ทำให้วุ่นวาย”
“ผอ. ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้เลยหนิ่คะ”
“ถ้าคุณมีลูกแล้วมีแค่คนเดียว และคนที่คุณรักจากไป คุณจะรักเขามาก และยอมทำได้ทุกอย่าง”
“ผอ.รักลูกมากเลยสิ่นะคะ แล้วก็คุณคริสด้วย ”
“ครับ เราไปต้อนรับคนไข้ใหม่กันเถอะครับ” ชานยอลเดินออกจากห้องพักผู้ป่วย ไปยังหน้าลิฟต์ ที่ตอนนี้ ร่างของแทฮยองนั่งสลบอยู่บนรถเข็นแล้ว
“เอาไปห้องดับจิต เลยครับ ใครในนี้แต่งหน้าเก่งที่สุด แต่งหน้าผมให้ซีดที่สุดเหมือนคนที่ตายแล้ว”
ห้องดับจิต คงมีไม่กี่คนหรอกที่อยากจะเข้ามา สถานที่อันเย็นเฉียบพร้อมกับเตียงมีผ้าคลุม ใครบ้างล่ะอยากจะเข้ามาในสถานที่อันค่อนข้างน่ากลัวแห่งนี้ ชานยอลยืนอยู่ที่ประตูของห้องดับจิตแห่งนี้ และแทฮยองผูกมัดอยู่บนรถเข็นกลางห้อง เมื่อแทฮยองเริ่มรู้สึกตัวชานยอลก็เริ่มทำการแสดงอีกครั้ง
“นาย… หลอกลูกผม”
“..”
“นายหลอกลูกผม….” เสียงของชานยอลเริ่มทุ้มต่ำและยานขึ้น พร้อมๆกับเดินมาหาแทฮยอง ด้านแทฮยองเองที่รับรู้ได้ว่าห้องนี้คือห้องอะไร เมื่อชานยอลค่อยๆย่างกายมาหาเขา ด้วยใบหน้าอันซีดเซียวในชุดผู้ป่วยโรงพยาบาล เขาก้เริ่มที่จะทำการหนีแต่เชือกก็ทำหน้าที่ผูกมัดไว้ได้ดีทีเดียว
“ผมไม่ได้หลอกอะไรจองกุกนะครับ”
“นายมีคนอื่น แต่ยังมาบอกลูกผมว่าไม่มีอะไร นายหลอกลูกผม” มือของชานยอลมาลูบที่คอของแทฮยองแล้วแกล้งทำเหมือนจะบีบคออีกคน
“ผมกลัวแล้วครับ ฮือ…...” ความกลัวของแทฮยองมาถึงจุดไคลแม็ก เขาร้องออกพร้อมกับน้ำตามาเมื่อชานยอลกำลังจะบีบคอเขา ชานยอลค่อยๆถอยตัวออกห่างและออกจากห้องไปตอนที่แทฮยองไม่ทันได้สังเกต
“ทุกคนทำงานเหนื่อยมาเลยนะครับ พรุ่งนี้ผมอนุญาตให้หยุดงานได้นะครับ ขอโทษด้วยนะครับ” เมื่อชานยอลออกมาจากห้องดับจิต ก็กล่าวขอโทษกับ พยาบาลและหมอทุกๆคนที่ช่วยเขาที่ตอนนี้ยืนรออยู่ที่หน้าห้องดับจิต
“ตอนนี้ใครมีงานค้างบ้างครับ”
“ตอนนี้เราทุกคน เคลียร์งานเสร็จละคะ เพราะใกล้เปลี่ยนเวรแล้ว”
“งั้นไปหาอะไรกินกันครับ ผมเลี้ยงเอง” ชานยอลกล่าวออกมาพร้อมยิ้มน้อยๆให้กับทุกคน
“นานๆ ผอ.จะมาที่โรงพยาบาล ไม่พลาดค่ะ”
“พูดงี้เดี๋ยวผมให้ บัตรกำนัลห้างที่ผมทำงานเลยหนิ่ ไปๆๆ เดี๋ยวร้านปิดหมด” ชานยอลเดินออกจากโรงพยาบาลไปยังร้านอาหารใกล้ๆแถวนั้น
วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2557
ลองนั่ง Taxi แบบ Luxury ด้วย Uber
เมื่อต้องการใช้บริการ Taxi หลายๆคน ตอนนี้คงกำลังนึกถึง Toyota รุ่น Altis อาจจะเป็นสี เหลือง-เขียว, ส้ม ,ชมพู หรือจะเป็น สีฟ้า ที่วิ่งกันทั่วบ้านเรา แล้วบางคัน(คงแทบจะส่วนใหญ่) จะมี วลี ที่พวกเราได้ยินกันบ่อยๆ โดยเฉพาะ เวลาเรียกช่วงเย็นๆ เวลาเลิกงานว่า “ส่งรถ” หรือเวลาเร่งด่วน “แก๊สหมด” เป็นประจำจนมีการเรียกแท็กซี่ผ่าน App มาถึง 2 รายได้แก่ Grab Taxi ที่ได้รับฉายาว่า “กราบแท็กซี่” จนกลายเป็นจุดขายของเขาไปโดยปริยาย กับ Easy Taxi ที่มาค่าเรียกประมาณ 20-25 บาทไม่รวมค่ามิเตอร์
หาแต่ว่า วันนี้นายต้าคนนี้ ได้ทดลองใช้รถ Taxi แต่เป็นอีกคลาสหนึ่ง นั่นคือ Uber Taxi ที่ใช้รถแบบ Laxuy คล้ายๆรถ limousine ของโรงแรม หรือ สนามบิน ก็ไม่มีผิด
จุดเริ่มต้นของ Uber อยู่ที่ สหรัฐอเมริกา โดยการใช้รถระดับ Laxuy เช่น Toyota Camry , Mercides Benz , BMW เป็นต้น และเริ่มให้บริการในปี 2010(พ.ศ. 2553) ที่ ซานฟรานซิสโก โดย การ์เร็ต แคมป์ และ ทราวิซ คาร์แลนนิก เป็นผู้ก่อตั้ง Ubercab โดยให้บริการในชื่อ Uber
และวันนี้ นายต้า ก็ได้ทดลองใช้ Uber หลังจากที่ทำธุระในตึก CP Tower เสร็จก็ได้ลองเรียกรถเพราะได้ วอยมาจาก #UberVista มา 300 บาท
เอาล่ะหลังจากที่ ลงทะเบียนแอพ ซึ่งสิ่งที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการลงทะเบียนคือ Credit , Debit Card
สำหรับ นายต้า คนนี้มีแต่ Debit Card เลยขอแนะนำของ ธ.กสิกรไทย เพราะสามารถตัดเงินออนไลน์ได้ เหมือนบัตรเครดิตเลย ทำให้สามารถซื้อแอพและจ่ายเงินออนไลน์ได้ โดยอย่าลืมไปเปิด K-Web Shopping Card ด้วยนะครับ
วิธีการเรียกรถ
วิธีการเรียกของ Uber คล้ายๆกับของ Easy Taxi แต่ว่าการเรียกนั้นไม่ต้องกรอกรายละเอียดให้วุ่นวาย เหมือนของ Easy taxi แต่ข้อเสีย มันไม่สามารถระบุตำแหน่ง หรือ สถานที่ใกล้เคียงมาให้เราเลือกได้อย่าง Grab Taxi สำหรับประเทศไทยมีให้บริการแต่ Luxury เท่านั้น ในอนาคตต้องดูต่อว่า จะมี SUV มาให้บริการหรือไม่
เห็นเป็นรูปรถ ไม่ใช่แค่บอกว่ารถที่เราเลือกนั้นเป็นประเภทอะไรนะครับ ลองกดเข้าไปดูมันจะมีอัตราค่าบริการมาให้ด้วย ซึ่งเป็นหัวข้อต่อไป
อัตราค่าบริการ
รายละเอียดของค่าบริการคือ จะมีค่าบริการเริ่มต้นที่ 45 บาท แต่จะต้องจ่ายขั้นต่ำที่ 75 บาท ตรงนี้หลายๆคนอาจจะงง แต่ข้อความนี้จับใจความได้ว่า
หากคุณ ขึ้นรถมาแล้ว ก็จะมีค่าบริการทันที 45 บาท แต่หากกคุณถึงปลายทางของคุณแล้ว ค่าบริการอยู่ที่ 60 บาท ระบบจะเก็บเงินคุณที่ 75 บาทเป็นขั้นต่ำเท่านั้น
หลังจากที่ขึ้นมานั่งแล้วก็คิดค่าบริการคล้ายๆ แบบ มิเตอร์ปกติคือ 45 บาทตั้ง แล้วเพิ่มจำนวนระยะทาง คือ 9.20 บาท ต่อ กิโลเมตร หากรถติดหรือจอดก็จะคิด 2 บาท 50 สตางค์ ต่อ นาที
นอกจากมีค่าบริการบอกแล้ว ก็มีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆคือ เวลาที่รถจะมาถึง และ สามารถ โดยสารได้สูงสุดกี่คน
หากเข้าใจรายละเอียดแล้วกดปุ่มเหนือหมุดที่เขียนว่า Set Pick Up Here ได้เลย
หลังจากที่กด แล้วจะพบกับหน้าต่างนี้
จะเป็นหน้าต่างยืนยันการเรียกรถ อันนี้ นายต้าเพิ่งมาแคปตอนถึงบ้านแล้ว แฮะๆ นอกจากยืนยันเรียกรถก็จะเป็นเรื่องการจัดการระบบการจ่ายเงิน
บรรทัดแรก หมายเลขบัตรเครดิต ที่เราจะเพิ่มบัตรใหม่เข้าไป หรือเลือกบัตรเครดิต และดู Uber เครดิต
บรรทัดที่ 2 เริ่มที่ Fare Quote เมื่อเปิดเข้ามาแล้วจะมีสถานที่ปลายทางมาให้เราเลือก ดั่งในภาพข้างใต้
อันนี้เพราะว่า นายต้าดันมาถึงบ้านแล้ว เลยลองเลือกมาคำณวนเล่นๆ คือจากบ้านไป Central Embassy ระบบก็จะคำณวนมาให้ ถือว่าค่อนข้างตรงพอสมควร
ข้อเสีย คือ ต้องเป็นสถานที่ๆ เป็นจุดเด่นจริงๆและสำคัญของย่านนั้นๆ เพราะไม่งั้นระบบจะหาไม่เจอ
หลังจากกด Request แล้ว ระบบจะทำการหารถในบริเวณนั้นให้ทันที่ภายใน 1 นาที โดยหน้าต่างจะเหมือนกันของ GrabTaxi มากซึ่งมองว่าใช้ง่ายดี หลังจากที่เรียกได้สักพัก พี่คนขับก็จะโทรมาถามว่า เรารออยู่ที่ส่วนไหนหรือจุดไหนสามารถเป็นจุดสังเกตุได้บ้าง
และของเล่นในหน้านี้คือ ระบบ Tracking ที่ โคตรแม่นและ Real Time สุดๆ กราฟฟิก ไหลลื่นสมูทตามความเร็วของรถมาก ซึ่ง ณ จุดนี้ Grab และ Easy ควรเอาเป็นแบบอย่าง
หลังจากที่รถมาถึงแล้วก็ก้าวขึ้นรถกันเลย
พี่นิพล กับ รถ Toyota Camry ก็มาจอดที่หน้าตึก CP Tower เมื่อก้าวขึ้นรถเข้าไป สิ่งแรก!!! ที่สัมผัสได้แตกต่างจาก Taxi ทั่วไปคือ ความสบาย เพราะมันคือ Camry รถที่ออกแบบมาเป็นรถผู้ใหญ่ เน้นนั่งข้างหลัง
และสิ่งที่สองที่ Taxi ธรรมดาไม่ค่อยจะมีคือ
น้ำเปล่า บางคันเท่าที่อ่าน รีวิว ของ คนอื่นคือ อาจจะมีผ้าเย็นด้วย
ระหว่างอยู่บนรถ
ได้คุยกับพี่นิพล ก็หลายๆเรื่องอยู่ และพี่เขาขับรถดีมาก พอสรุปๆให้ฟังได้ว่า
การขับรถ Uber มี 2 อย่าง คือ 1. เป็นรถของเราแล้วมาเข้าร่วม 2. Uber จ้างมาเป็นแบบ Outsource โดยมีรถให้บริการทั้งหมด 31 คัน และ มี Mercedes Benz เพียงคันเดียวและเป้นรุ่น E-Class ใครได้ขึ้นถือว่าวันนั้น คุณเตรียมซื้อหวยได้เลย แรร์ไอเทมฝุดๆ
คนขับทุกคนจะต้องเข้ารับการอบรมกับ Uber เป็นระยะเวลาถึง "ครึ่งวัน" โอ้ว... นี่มัน ลิมูซีนโรงแรมชัดๆ แล้วก็การยกเลิกรถ พี่นิพลบอกว่า ต้องให้ลูกค้าเท่านั้นเป็นคนยกเลิก แต่จะเสียค่าบริการที่ 45 บาทถ้าจำไม่ผิดนะ แต่ถ้ายกเลิกภายใน 5 นาที จะไม่เสียค่าบริการ ซึ่งต่างจาก Grab และ Easy
พื้นที่ให้บริการ หากจะให้รถสามารถมารับเราได้เร็วและชัวร์ แน่ๆถ้าไม่นับเรื่องการจราจรคือ ย่าน ธุรกิจ และท่องเที่ยวใจกลางกรุงเทพ อันได้แก่ สาทร สีลม สุขุมวิท
เอาล่ะหลังจากคุยกันแก้เหงาท่ามกลางการจราจร ย่ามเย็นย่านสีลม นายต้าก็มาถึงจุดหมายปลายทาง และแน่นอนว่า นายต้าต้องจ่ายเงินแล้ว....
การจ่ายของของ Uber นั้นคือ Credit Card จะไม่มีการใช้เงินสดโดยเด็ดขาด และที่สำคัญอยู่ตรงนี้
ถ้าใครใช้ Grab Taxi บ่อยๆจะรู้ว่าจะมีให้เราสามารถ Comment ผู้ขับว่าเป็นอย่างไร แลดูแล้วอำนาจอยู่ในมือเราทั้งหมด
กลับกัน ความยุติธรรมยังพอมีอยู่บนโลกบ้าง Uber ให้ คนขับสามารถ ประเมินผู้โดยสารได้ด้วย เอาล่ะสิ่ พี่นิพลเล่าว่า หากลูกค้าหรือคนขับมีดาวต่ำกว่า 2 ดาว ทาง Uber จะเชิญออกจากระบบ ชิพเห้... ละไง ถือว่าเป็นเรื่องที่เพราะผู้โดยสารบางคนนั้น ไม่ให้เกียติพี่ๆ คนขับเช่น คุยกับเพื่อนเสียงดังไม่เกรงใจคนขับ
น่ะๆๆๆ หาว่านายต้าใส่ไฟเล่าความเท็จปั้นน้ำเป็นตัวหรอ นี่เลยภาพหลักฐาน
พอหลังจากลงจากรถไม่นาน ใบเสร็จก็วิ่งเข้า E-Mail ของเรา
ใบเสร็จคือละเอียดมากเท่าที่ นายต้าเคยต้องการจริงๆ มีรูปจากแผนทีว่าเดินทางมาจากที่ไหน ค่ารถที่วิ่ง กับ ค่าเวลาตอนติดไฟแดง เท่าไหร่ คอนเฟริมได้ว่า โกงไม่ได้
ที่สำคัญ ในใบเสร็จบอก จำนวนเวลาและความเร็วที่ใช้ พร้อมระยะทาง
ทั้งนี้ทั้งนั้นการรีวิวนี้ไม่ได้อวย Uber แต่อย่างใด เพราะ ไม่ได้ตังหรือนั่งฟรี 1 ปี
หากพิมพ์ผิด บอกด้วยนะครับจะได้แก้ให้ โดยเฉพาะชื่อพี่ นิพล ไม่รู้เขียนถูกไหม T ^ T
ใครบอกว่า Uber แพง ลองเทียบดูนะครับในคลาสนี้ ต้องเป็น ลิโมซีน ของ สนามบินไม่ก็โรงแรม ซึ่ง มันแพงกว่าอย่างเห็นได้ชัดเลยนะ
อย่าง จากสนามบินมาบ้าน Uber จะเหมาที่ 1,000 บาท แต่ ลิโมฯ ของสนามบินคุณต้องเตรียมประมาณ 1,500 ซึ่งเป็น Camry เหมือนกัน
ข้อเสียของ Uber คงเป็นที่ พื้นที่บริการ ยังไม่กว้างพอ คงเพราะสเปกรถ เลยทำให้ บริมาณน้อย มันก็คงจะมีแค่นี้และครับ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ อันนี้เป็นรีวิวที่สองที่ทำ แต่ดันเป็น รีวิวแรกที่เอามาขึ้นบล็อก แฮะๆ
Copy Right by นายต้า [ Tataonce ]
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)