วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2557

BTS - [_____] [ V x TaeHyung x Kook ] Part 11



หลังจากที่เซฮุนและจองกุกกลับมาจาก ตลาดพร้อมกับทำอะไรกินในครัวอันแสนเพียบพร้อมของจองกุก จนทั้งสองช่วยกันล้างจานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มานั่งเล่นนอนเล่นอยู่ที่ห้องนอน หัวของเซฮุนหนุนอยู่บนท้องของจองกุกอ่านหนังสือการ์ตูน ส่วนจองกุกกำลังนอนพิงหมอนเล่นคุกกี้รันอยู่ในโทรศัพท์ แต่พอห้องเริ่มเงียบจองกุกก็เปิดประเด็นหาเรื่องมาคุย





“พี่ฮุนมีจักรยานด้วยหรอครับ”


“มีสิ่คันนั้นแหละ พี่ซื้อตอนมาอยู่ไทยช่วงแรกๆ ทำไมหรอ”


“ผมไม่นึกว่าพี่จะมีจักรยานหนิ่ นึกว่ามีแต่มอร์ไซ”


“มอร์ไซน่ะ พี่เพิ่งเก็บเงินซื้อ เพิ่งถอดป้ายแดงเมื่อเดือนที่แล้วเอง เฮ้ย” จองกุกที่ฟังๆ เซฮุนพูดเรื่องที่เขาถาม แต่กำลังจบประโยค หัวของเซฮุนก็ตกลงบนเตียงเพราะจองกุกลุกออกมากระทันหัน





“พี่ฮุนผมขอโทษ”


“จะลุกทำไมไม่บอกหืม...” เซฮุนลุกขึ้นมาหาจองกุกแต่แน่นอนว่าจองกุกไม่ยอมอยู่เฉยๆให้เซฮุนที่กำลังทำหน้าเจ้าเลห์แกมหื่นมาหาเขาแน่ๆ


“พี่ฮุน อย่ามาทำหน้าหื่นใส่นะ” จองกุกตอนนี้ถอยมาที่หัวเตียง ทันทีที่มือข้างขวาของเขาคว้าหมอนที่อยู่บนเตียงได้ เป็นจังหวะเดียวกับที่เซฮุนมาประชันชิดเขาพอดี จองกุกก็ฟาดหมอไปที่แขนของเซฮุนเต็มแรง จนเซฮุนแอบเซเบาๆ





“ฤทธิ์เยอะนะเรา”


“แบร่ก็ผมยังเด็กไง”


“ว่าพี่แก่หรอ”


“เปล่าน๊าครับ อ่ะ พี่ฮุน ห้าๆๆๆ” จองกุกที่กำลังเล่นคำกับเซฮุน จนลืมมองว่าเซฮุนเดินเข้ามาช้อนตัวเขาตอนไหนไม่รู้ แล้วโยนเขาลงเตียง เซฮุนคร่อมจองกุกไว้ไม่ให้หนีไปไหน แล้วเอามือทั้งสองข้างมาจี้ที่เอวของจองกุก จนอีกคนหัวเราะจนหน้าแดงในที่สุดจองกุกก็ยอมแพ้





“คนบ้า… ผมเหนื่อยนะ”


“แกล้งพี่ก่อนหนิ่ จะว่าไปเอวจองกุกก็นิ่มดีนะ” แล้วทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆเป็นคู่รักคู่นึงที่บางคนมองว่า น่าอิจฉากว่าคู่ ชายหญิงธรรมดา และแน่นอนว่าทั้งคู่ก็ไม่พ้นสายตาของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “สาววาย” ไปตลอด ที่ยังเรียนอยู่ที่นี่...











ณ ประเทศเกาหลี วีรภาพยังคงวุ่นกับการหารถเพื่อจะไปตามหา คนที่เป็นทั้งแฟนและน้องชายฝาแฝดของเขา





“คุณหนูวีหาอะไรหรอคะสีหน้าดูเครียดๆนะคะ”


“แม่เอารถไปหมดแต่วันนี้ผมต้องใช้รถ”


“แล้วทำไมคุณหนูไม่ไปเช่ารถล่ะคะ”


“..... ขอบใจมากนะ” เมื่อวีได้คำตอบแล้วก็รีบออกจากบ้านไปเรียกแท็กซี่เพื่อไปยัง ศูนย์เช่ารถและท้ายที่สุดเงินก็หาทางออกให้เขาได้ วีก็ขับรถออกจากศูนย์ให้เช่ารถแห่งนั้น แล้วขับไปยังที่ที่เขาคิดว่าแทฮยองจะไป





กลับกันที่โรงพยาบาล คยองซูเดินมาที่ห้องดับจิตที่ข้างในห้องนั้น แทฮยองตัวซีดจนแทบจะกลมกลืนไปกับ อาจารย์ใหญ่ภายในห้องเมื่อคยองซูเดินเข้าไป ก็พบว่าแทฮยองนอนสลบอยู่บนเก้าอี้เขาจึง เดินเข้าไปเข็นรถเข็นของแทฮยองออกมาจากห้องดับจิต แล้วตรงไปยังห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาลที่ชั้นบน แต่เมื่อไปถึงแทที่แทฮยองจะได้รับอิสระ นอนบนเตียงสบายๆ เขาคงได้แค่มโนเท่านั้น คยองซูรู้ดีว่าปาร์คชานยอลต้องการแบบไหน เขาจึงให้บุรุษพยาบาลมาช่วยเขายกแทฮยองขึ้นเตียงแล้วผูกเขาไว้กับเตียง ราวกับคนป่วยในสถานจิตเวชที่มีอาการคุ้มคลั่ง





“หมอครับทำไมต้องมัดเขาด้วยครับ”


“อ่อ คนป่วยคนนี้รถชนแล้วมีอาการทางจิตน่ะ”


“แต่ทำไมไม่เห็นมีแผลหรืออะไรเลยล่ะครับ”


“นายอย่าลืมว่ารถเดี๋ยวนี้มีถุงลม แล้วที่นายคนนี้ป่วยทางจิตเพราะ คนที่นั่งมาด้วยน่ะ ตายต่อหน้าเขา จบนะ”


“ครับๆ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”


“ไปไหนก็ไปเถอะ วันนี้โรงพยาบาลเราคนไข้เยอะ เดี๋ยวผมจัดการเอง” คยองซูหยิบสายยางพลาสติกใสพร้อมอุปกรณ์เป็นกระบอกคล้ายๆกระฉีดยาติดอีกฝากตรงปลายสาย คยองซูเอาสายข้างที่ไม่มีอะไรติดอยู่สอดเข้าทางจมูกของแทฮยอง และหลังจากที่ทำการตรวจอุปกรณ์เรียบร้อยแล้วเขาก็เรียกให้พยาบาลเอาอาหาร มาให้แทฮยองกินผ่านทางสายยางนี้ เพราะเขารู้ดีว่าถ้าให้คนตรงหน้าเขากินเองมีสิทธิที่จะหนีและคนที่จะซวยก็คือเขาเป็นแน่แท้ การให้อาหารผ่านทางสายยางคือวิธีที่ดีที่สุดแล้ว เมื่ออะไรเสร็จเรียบร้อย ตามสไลต์โรงพยาบาลใครจะเป็นอะไรมาน้ำเกลือต้องมี หลังจากที่คยองซูวางยาสลบอ่อนๆให้แทฮยอง เขาก็โทรรายงาน ปาร์คชานยอล





“ครับ รุ่นพี่ เอาออกมาแล้วตอนนี้ไม่ไข้อ่อนๆครับ”


“ได้ครับๆ เดี๋ยวผมไปนะครับ” ตอนนี้เป็นเวลาที่คยองซูออกเวรพอดี คยองซูเดินไปที่ห้องทำงานของปาร์คชานยอลในโรงพยาบาล แล้วเอาเสื้อกราวน์สีขาวสะอาดแขวนไว้ที่แขวนเสื้อหน้าห้อง แล้วหยิบกระเป๋าของเขาขึ้นมาสะพายแล้วออกจากโรงพยาบาล ไปหาชานยอลตามที่เขานัดไว้ในโทรศัพท์เมื่อสักครู่








ณ ห้างสรรพสินค้าที่ชานยอลทำงาน ชานยอลกำลังคุมงานเกี่ยวกับการปรับปรุงพื้นผิวถนนในลานจอดรถ





“ไม่ๆ ผมบอกว่าที่ตรงนั้นน่ะ เปลี่ยนเป็นโซน VIP สีที่ตีเส้นใช้สีฟ้า ไม่ใช้ ทาสีซองเป็นสีฟ้า”


“ครับๆ แล้วพื้นผิว”


“ตามที่เราเคยรับเหมากันไว้นะครับ พื้นเป็นปูนขัดเงาในช่องเมน แต่ช่องที่เป็นซอย เป็นพื้นราดยาง”


“ครับ แล้วผมจะส่งราคาประเมิณมาให้นะครับ” ชานยอลเดินกลับจากลานจอดรถมายังห้องทำงานของเขา ที่ตอนนี้คยองซูนั่งรออยู่ในห้อง เมื่อชานยอลเข้ามา มือของเขาก็ยีผมของคยองซูเบาๆแล้วเดินมานั่งในฝั่งของเขา








“นายจะกินอะไรไหมคยอง”


“อ่ายังไม่ดีกว่าครับ”


“งั้นผมเข้าเรื่องเลยนะ นายรู้ใช่ไหมว่าผมมีแฟนแล้ว และแต่งงานแล้ว”


“รู้ครับ”


“ผมรู้นะว่านายชอบผม แต่ผมไม่รู้ว่าผมจะชอบนายได้ไหม พยายามต่อไปนะ” ชานยอลเดินมาหยิบกระเป๋าของคยองซู ขึ้นมาสะพาย แล้วเตรียมออกจากห้อง


“จะมาทำงานที่นี่แทนผมหรอ คยองซู ไปหาไรกินกัน” เมื่อชานยอลพูดจบประโยคคยองซูก็เดินตามร่างสูงของชานยอลไปทันที











หลังจากที่ชานยอลเลี้ยงข้าวคยองซูก็แยกย้ายกันกลับบ้าน แน่นอนตอนนี้ใครหลายๆคนอาจจะมองว่าชานยอลมีตังเข้าขั้นเรียกว่ารวยได้เลย เป็นทั้งนายแพทย์คนเก่งของโรงพยาบาล ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลค้ำคอ แถมยังเป็น ผู้จัดการห้างสรรพสินค้าดังควบกับตำแหน่งรองผู้บริหาร ในเวลาเดียวกัน แต่จะมีใครสักกี่คนที่รู้ว่า เบื่อหลังและด้านในลึกๆของชานยอลเป็นยังไง ชานยอลอดไม่ได้ที่จะกลับไปยังห้องทำงานของคริสที่ห้าง เขานั่งอยู่ในห้องนั้นเป็นเวลานานจนเผลอหลับไปบนโต๊ะทำงานของคริส ในฝันของเขาในตอนนั้นชานยอลได้ฝันว่า








“ชานยอล ตื่นได้แล้วนอนตรงนี้เมื่อยนะ”


“งื้อ... พี่คริส” ชานยอลงัวเงียตื่นขึ้นมา เขาจำได้ดีว่าเสียงที่เขาคุ้นเคยเป็นเสียงที่ปลุกเขาทุกๆวันเมื่อก่อนนี้


“เราทำกับแฟนลูกแรงไปไหม”


“ไม่แรงหรอกครับ จะได้จำว่าลูกใครๆก็รัก”


“หวงขนาดนี้ พี่ว่าพี่ต้องไปดูแลลูกแล้วล่ะมั้ง พี่รู้นะว่าเรารู้สึกดีกับคยองซู”


“ผมไม่อยากผิดสัญญากับพี่หนิ่ครับ” ชานยอลเอาหน้าฟุบลงกับโต๊ะ หลังจากที่คริสเห็นก็เอามือมาลูบผมของชานยอลเบาๆ


“เราไม่ได้ผิดสัญญาหรอก เราน่ะทำได้ดีมาตลอดเลยนะ คยองซูน่ะรักนายจริงๆนะ อยู่กับคนที่ไม่รักจริงๆอยู่ทำไม อยู่กับคนที่รักเราดีกว่านะ พี่ไม่ว่าเราหรอก” คริสดินเข้ามากอดชานยอลเอาไว้


“พี่คริสผมขอโทษนะครับ”


“ครับพี่ไม่ว่าอะไรเราหรอก พี่ไปแล้วนะหมดเวลาพี่แล้ว”


“พี่อย่าเพิ่งไปสิ่ครับ” ร่างของคริสค่อยๆจางหายไปในอ้อมกอดของชานยอล และแน่นอนว่าคนที่เรารักกำลังจะจากไป มีใครบ้างจะไม่รั้งไว้ ชานยองพยายามคว้าคริสแต่ มันกลับเป้นอาศธาตุให้เขาได้สัมผัส จนคริสหายลับตาไป








หลับมาที่โลกความจริง ชานยอลกำลังละเมออยู่บนโต๊ะทำงานของคริส





“ไม่พี่คริส ไม่พี่อย่าเพิ่งไป” ’ตึง’ เสียงดังทุ้มพร้อมกับแรงสะเทือนเล็กน้อยเกิดจาก การที่ชานยอลลื่นตกเก้าอี้เพราะว่าฝันจนละเมอ ฝันที่เหมือนจริง แล้วกระดาษโน้ตเล้กๆใบหนึ่งก็ตกลงมาจากลิ้นชักโต๊ะทำงานของคริสมีเนื้อความว่า “ชานยอลพี่เพิ่งรู้ว่าพี่อยู่กับเราได้อีกไม่นานเท่าไหร่ ขอบคุณนะที่ตั้งใจเรียนหมอเพื่อพี่ แต่ถ้าหากว่าวันไหนพี่ไม่อยู่แล้วชานยอลของพี่ทำใจได้ยอมรับและกล้าเปิดใจให้คนอื่นเมื่อไหร่ ขอแค่คนๆนั้นรักเรามากอย่างที่พี่รัก พี่ก็จะยอม ขอให้นายมีชีวิตต่อไป” เมื่อชานยอลอ่านจบแล้วน้ำตาของชานยอลก็ไหลออกมาโดยอัตโนมัติ ในความคิดของชานยอลคงคิดว่าอะไรหลายๆอย่างมันจะบังเอิญไปไหม แต่ห้องนี้คนที่จะเข้าได้ก็มีเพียงแค่เขากับแม่ของคริวเท่านั้น ทำไมโชคชะตาต้องกลั่นแกล้งเขาด้วย...






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น